เอเอฟพี – สำนักข่าวเอเอฟพีเผยคนเสื้อแดงในจังหวัดอุดรธานี ยังคงซื่อสัตย์กับเม็ดเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยมาโปรยหว่าน เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ พร้อมเทคะแนนหนุนพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ ด้วยเชื่อว่าไม่มีพรรคการเมืองคนไหน “เห็นใจคนจน” เท่านี้
แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกมวลชนผู้ประท้วงรุกไล่ในเมืองหลวง จนแทบไม่กล้าโผล่หน้าออกมาให้สาธารณชนได้พบเจอในระยะนี้ แต่ในพื้นที่ภาคอีสาน ตระกูลชินวัตรของเธอยังถูกมองเป็น “วีรบุรุษ” ในสายตาเกษตรกรที่ยากจน
ปรากฏการณ์เช่นนี้สะท้อนจุดยืนทางการเมืองที่ขัดแย้งอย่างสุดขั้วระหว่างประชาชนในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย กับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจากภาคกลางและใต้ ซึ่งเวลานี้พวกเขาก็ขู่ที่จะขัดขวางการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีก 2 วันข้างหน้า เพื่อปิดประตูไม่ให้พรรคของทักษิณกลับมาครองอำนาจได้อีกต่อไป
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในภาคอีสานซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ ถือเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้พรรคของทักษิณชนะเลือกตั้งมาถึง 3 สมัยซ้อน นับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
ที่บ้านดอนยาง จังหวัดอุดรธานี ชาวบ้านบอกว่าความซื่อสัตย์ที่พวกเขามอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เพื่อตอบแทนเม็ดเงินและผลประโยชน์ที่รัฐบาลทุ่มเทแก่ประชาชนที่มีรายได้น้อย พวกเขายังสาธยายความดีที่รัฐบาลทักษิณเคยทำไว้ เช่น การให้เงินอุดหนุนชาวนา, บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า, เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสำหรับลูกหลานเกษตรกรที่ยากจน
“ก่อนคุณทักษิณเป็นนายกฯ ไม่เคยมีนักการเมืองหน้าไหนมาที่นี่เลย” สมสมัย วัย 47 ปี ให้สัมภาษณ์ พร้อมโชว์เสื้อยืดสีแดงที่ประกาศว่าเธอสนับสนุนสองพี่น้องตระกูลชินวัตร
“คุณทักษิณเข้าใจความลำบากของพวกเรา วันนี้เราก็อยากจะช่วยท่านบ้าง”
สมสมัย บอกด้วยว่า คำปรามาสด่าทอของแกนนำผู้ประท้วงในกรุงเทพมหานคร ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนจนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แนบแน่นยิ่งกว่าเก่า
“พวกเขาด่าว่าคนอีสานโง่ ขี้เกียจ แต่พวกเรานี่แหละกระดูกสันหลังของชาติ คนกรุงเทพต้องกินข้าวที่เราปลูก ตึกรามบ้านช่องสวยๆที่พวกเขาอยู่กันก็ฝีมือก่อสร้างของพวกเราทั้งนั้น” สมสมัย เอ่ยทั้งน้ำตา
“เราก็เสียใจที่พวกเขาเกลียดเรา แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้เราก็เกลียดพวกเขาแล้วเหมือนกัน”
สมสมัย เล่าว่า ครอบครัวของเธอลืมตาอ้าปากได้หลังจากเข้าโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของรัฐบาลในปี 2006 ซึ่งเธอได้นำเงินเหล่านั้นมาขยายร้านค้า และทำกำไรงอกเงยจนสามารถต่อเติมบ้าน และมีเงินออมเป็นครั้งแรก
เธอยังได้รับประโยชน์จากโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ที่รัฐบาลทักษิณเป็นผู้ริเริ่ม
นโยบายประชานิยมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ “ทักษิโณมิกส์” ซึ่งช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคเหนือและอีสาน ส่งผลให้จีดีพีต่อหัวประชากรในภาคอีสานขยับเพิ่มเท่าตัวเป็น 1,475 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2001-2011 ตามข้อมูลของรัฐบาล
ในช่วงเวลาเดียวกัน จีดีพีต่อหัวประชากรในกรุงเทพมหานครก็เพิ่มจาก 7,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเกือบๆ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลชี้ว่า ทักษิโณมิกส์ เป็นนโยบายที่ทำลายสมดุลและบั่นทอนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย อีกทั้งทักษิณยังนำเงินภาษีราษฎรไปละลายกับโครงการประชานิยมเพื่อซื้อใจคนยากจนที่ด้อยการศึกษา ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้เขาสามารถควบคุมมวลชนได้อย่างง่ายดาย
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ยังถูกกล่าวหาว่าทำลายระเบียบสังคม และอยู่เบื้องหลังขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุด
ความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าวกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฝ่ายต่อต้านไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก โดยพวกเขาชี้ว่าโครงการนี้เปิดช่องให้มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ทำลายเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ และเป็นต้นเหตุให้ไทยเสียตำแหน่งแชมป์ส่งออกข้าวเบอร์หนึ่งของโลก
แม้ชาวนาภาคอีกสานบางส่วนจะเริ่มไม่พอใจที่รัฐจ่ายเงินจำนำข้าวล่าช้า แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขาจะรวมตัวกันทิ้ง “ระบอบทักษิณ”
พอล แชมเบอร์ส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจากสถาบันกิจการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตือนว่า ความแตกแยกร้าวลึกระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนและต่อต้านทักษิณ “อาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง แม้จะไม่เข้มข้นนักก็ตาม”
คลื่นความโกรธแค้นเริ่มจะก่อตัวขึ้นในหมู่คนเสื้อแดงจากเหตุการณ์ที่ ขวัญชัย ไพรพนา แกนนำแดงอุดรฯ ถูกคนร้ายไม่ทราบกลุ่มใช้อาวุธปืนกราดยิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่หน้าบ้านพักเมื่อสัปดาห์ก่อน
ขวัญชัย ซึ่งยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีการ์ดคุ้มกัน 24 ชม.ทำนายว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งถล่มทลายอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ และคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นสู้หากศาลตัดสินให้ผลเลือกตั้งเป็นโมฆะ
“พวกเราจะออกมาขัดขวางให้ถึงที่สุดด้วยพลังของประชาชน เหมือนที่เคยทำมาแล้วเมื่อปี 2010 พวกเราเคยดาหน้าต่อสู้กับรถถังของทหาร ครั้งนี้เราก็จะสู้ไม่ถอย” ขวัญชัย กล่าว