บีบีซี - ศาลในกรุงโตเกียว พิพากษาสั่งจำเลยจ่ายค่าเสียหายเกือบครึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่ครอบครัวของหญิงชราคนหนึ่งที่ถูกเขาปั่นจักรยานชนจนเสียชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้ก็ให้จำคุก 2 ปี ฐานฆ่าคนตายโดยประมาท แต่โทษให้รอลงอาญาไว้ก่อน
ผู้ต้องหาชายวัย 46 ปี ถูกศาลสั่งจ่ายเงินชดเชยจำนวน 47 ล้านเยนหรือราว 459,000ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15 ล้านบาท) หลังจากเขาปั่นจักรยานพุ่งชนหญิงชราวัย 75 ปีตรงท างม้าลาย
ผู้พิพากษาบอกว่าเขาต้องการให้คดีนี้เป็นตัวอย่างแก่คนอื่นๆ ว่าจักรยานก็สามารถเป็นอาวุธสังหารได้เหมือนกัน ขณะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประชาชนในกรุงโตเกียว หันมาถีบจักรยานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่า ระหว่างการพิจารณาคดี ศาลพบว่าตอนที่พุ่งชนนางเรอิโกะ อาซูมะ ทางจำเลยปั่นจักรยานด้วยความเร็วราว 15 ถึง 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้นางอาซูมะได้รับบาดเจ็บและกระทบกระเทือนทางศีรษะ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในโรงพยาบาล 5 วันต่อมา
“ไม่เหมือนกับขั้นตอนทางคดีความอาญาก่อนหน้านี้ ศาลปฏิบัติกับคดีของเราแบบเดียวกับคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์” มิตซูฮิโระ อาซูมะ ลูกชายของเหยื่อกล่าว
ในรายงานของเกียวโดนิวส์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ทางจำเลยถูกบ่งชี้ว่ามีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทและถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่ให้่รอลงอาญา 3 ปี ด้วยศาลให้เหตุผลว่าผู้ขับขี่ขาดความใส่ใจบนท้องถนนตอนประสบอุบัติเหตุ และมันไม่ใช่ความผิดของนางอาซูมะ
อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับจักรยานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในกรุงโตเกียว ขณะที่จำนวนผู้ใช้รถจักรยานที่มากขึ้นอย่างมหาศาล โดยทางผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงโตเกียว บอกว่าที่ผู้คนหันมาใช้จักรยานกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเบื่อกับระบบขนส่งสาธารณะที่เบียดเสียดของเมือง แต่เป็นที่สังเกตว่าผู้ใช้จักรยานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย ตามหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายเมื่อปี 2011 เนื่องจากตอนนั้นมีผู้โดยสารหลายแสนคนต้องติดค้างในระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่หยุดชะงักของเมืองหลวงนานหลายชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่า บ่อยครั้งที่พบเห็นผู้ขับขี่จักรยานในกรุงโตเกียวไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ทั้งถีบฝ่าไฟแดง ลัดเลาะแหวกกลางฝูงชน หรือบางครั้งก็ถึงขั้นถีบไปส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไป