“กงสุลรัสเซีย” และภรรยาถูกแทงที่ “ซูดาน” - แก้แค้นให้น้องชายโดนทหารฝรั่งเศสฆ่าในแอฟริกากลาง

เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เมื่อวานนี้ (28) กงสุลรัสเซียและภรรยาที่ไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อได้ถูกชายชาวแอฟริกากลางคนหนึ่งใช้มีดแทงได้รับบาดเจ็บที่กรุงคาร์ทูม ซูดาน เหตุเพราะเข้าใจผิดคิดว่าคนทั้งคู่เดินทางมาจากฝรั่งเศสประเทศที่ส่งทหารเข้าไปยังสาธารณรัฐแอฟริกากลางเพื่อรักษาสันติภาพและทำให้น้องชายของเขาเสียชีวิต

คนร้ายใช้มีดทำร้ายกงสุลรัสเซียและภรรยาที่อยู่ด้านนอกประตูสถานทูตรัสเซียกลางกรุงคาร์ทูม ซูดาน เมื่อวานนี้ (28) เป็นเพราะสำคัญผิดคิดว่าเดินทางมาจากฝรั่งเศสประเทศที่ส่งทหารเข้าไปรักษาสันติภาพในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ประเทศบ้านเกิดของชายผู้นี้

โดยคนร้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซูดานควบคุมตัวไว้ได้ยอมรับว่า น้องชายของเขาได้เสียชีวิตจากการถูกสังหารของกองทหารรักษาสันติภาพประเทศหนึ่งที่เดินทางมาจากยุโรป

และแถลงการณ์ตำรวจซูดาน กล่าวว่า ไม่พบเหตุจูงใจในการลงมือครั้งนี้นอกจากต้องการแก้แค้นให้กับน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว

ทางด้านกระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ยืนยันข่าวการทำร้ายกงสุลรัสเซียประจำซูดานต่อสื่อรัสเซีย อาร์ที ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ชื่อของเจ้าหน้าที่การทูตรัสเซียและภรรยาที่ถูกทำร้ายยังไม่ได้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะโดยตำรวจรัสเซียหรือรัฐบาลรัสเซีย

โดยอาร์ทีรายงานว่า การทำร้ายครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการเลือกเหยื่อแบบสุ่มเพื่อแก้แค้นชาวตะวันตก เหตุเพราะน้องชายของเขาถูกสังหารโดยกองกำลังต่างชาติจากยุโรปที่แอฟริกากลาง

“จากการสอบสวนพบว่า น้องชายของคนร้ายได้เสียชีวิตลงเมื่อเช้านี้ที่ Banggui” ตำรวจแอฟริกากลางกล่าวผ่านแถลงการณ์ “และจากการสอบสวนพบว่าคนร้ายเดินทางมายังซูดานเพื่อเหตุผลทางการแพทย์ และไม่มีมีเหตุอื่นที่จะก่อเหตุทำร้ายร่างกายยกเว้นกระทำไปเพื่อการแก้แค้น”

และหลังจากเกิดเหตุทั้งกงสุลรัสเซียและภรรยารีบรุดไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว ทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ยูริ วิดาคาส ประจำหน่วยงาน chargé d'affaires ในกรุงคาร์ทูมได้ยืนยันข่าวการทำร้ายเพื่อนร่วมงานของเขา แต่กล่าวว่าคนทั้งคู่ได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งในขณะนี้คนทั้งคู่ได้พักผ่อนที่บ้านของพวกเขาภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่การแพทย์ของสถานทูตรัสเซีย

นอกจากนี้ วิดาคาส เปิดเผยว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของสถานทุตได้ปรับปรุงให้เข้มงวดขึ้น “เจ้าหน้าที่สถานทูตถูกจำกัดการเดินทางเข้าไปในเมืองในขณะที่ทางสถานทูตกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซูดานเพื่อความรอบคอบยิ่งขึ้น” วิดาคาสเผยกับสื่อ RIA Novosti

หลังจากเกิดเหตุคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตและประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้นจับตัวไว้ได้และส่งให้ตำรวจซูดานต่อไป