เอเจนซีส์ - หลังจากที่ได้ปรึกษากับกลุ่มผู้ประท้วงที่จตุรัสเอกราช กลางกรุงเคียฟ โอเลก ไทอักไนบอก หัวหน้าพรรคชาตินิยมของยูเครนสโวโบดา ( Svoboda ) และบรรดาผู้นำฝ่ายค้านยูเครน ในวันพฤหัสบดี(23)ได้ปฎิเสธข้อเสนอของรัฐบาลยูเครน แต่ประกาศเดินหน้าที่จะเจรจาต่อเพื่อควบคุมความรุนแรง หลังจากมียอดเสียชีวิตแล้วถึง 3 รายจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลยูเครนและกลุ่มผู้ประท้วงที่นิยมยุโรปตะวันตก
โอเลก ไทอักไนบอก หัวหน้าพรรคชาตินิยมของยูเครนสโวโบดา ( Svoboda ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของยูเครนได้อธิบายถึงข้อเสนอจากรัฐบาลยูเครนในการเจรจา และถามผู้ประท้วงชาวยูเครนที่รวมตัวกันอยู่ที่ จตุรัสเอกราชว่า พร้อมที่จะยอมรับข้อเสนอหรือไม่
ในช่วงการเจรจานั้น ประธานาธิบดียูเครน วิกตอร์ ยานูโควิช ได้เสนอที่จะหยุดการใช้กำลัง รวมทั้งพร้อมที่ยอมจะปล่อยตัวกลุ่มผู้ประท้วงในเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นบนถนนกรันเชฟสโคโกให้เป็นอิสรภาพทั้งหมด และจะหาทางลดโทษให้กับผู้ที่ถูกจับเพื่อแลกกับการให้กลุ่มผู้ประท้วงเดินทางออกจากบริเวณถนนกรันเชฟสโคโก
ซึ่งหลังจากได้ให้มีการออกเสียงกันในม็อบยูเครนที่ต้องการให้รัฐบาลลาออกจากตำแหน่งและยกเลิกกฎหมายต่อต้านการชุมนุม ซึ่งปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ของผู้ประท้วงมีมติให้ปฎิเสธเงื่อนไขของรัฐบาลยานูโควิช อ้างจากพรรคสโวโบดา ซึ่งบรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านต่างเห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้ประท้วงครั้งนี้ พร้อมทั้งยังกระตุ้นให้ผู้ประท้วงชาวยูเครนยังอยู่ในระเบียบ กฏเกณฑ์
โดยทางฝ่ายค้านจะยังเดินหน้าที่จะเจรจากับรัฐบาลยูเครนต่อในวันถัดไป ความสงบชั่วคราวจะยังคงมีอยู่จนกระทั่งวันนี้(24) และหลังจากที่กลุมผู้ประท้วงได้หารือกับบรรดาผู้นำพรรคฝ่ายค้านยูเครนแล้ว พวกเขาได้เริ่มสร้างปราการป้องกันขึ้นใหม่อีกครั้งที่ Khreschatyk ซึ่งเป็นทางออกของจตุรัสเอกราช โดยทั้งอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ผู้นำพรรคฝ่ายค้านยูเครน Batkivshchyna และไทอักไนบอกได้ร่วมกันสร้างแบริเออร์พร้อมกับผู้ประท้วงคนอื่นอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้ วิตาลี คลิตช์โก อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวตและหัวหน้าพรรค UDAR ได้ประกาศกับม็อบยูเครนกลางกรุงเคียฟว่า ยานูโควิชและวิทาลี ซาคาร์เชนโก รัฐมนตรีมหาดไทยของยูเครน จะยุติการใช้กำลังทั้งหมด และจะประกาศปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกกักอยู่บริเวณถนนกรันเชฟสโคโก
และมีคำประกาศของรัฐมนตรีมหาดไทยของยูเครนที่ออกตามมาทีหลังว่า ทางตำรวจยูเครนจะไม่ขัดขวางกลุ่มผู้ประท้วงหากยินยอมที่จะเดินทางออกจากบริเวณถนนกรันเชฟสโคโก และยืนยันที่จะไม่ใช้กำลังต่อผู้ประท้วงที่ยังปักหลักอยู่ที่จตุรัสเอกราช ซึ่งคำประกาศครั้งนี้มีขึ้นภายหลังวิกฤตการปะทะร่วม 5 วันติดกัน และมีผลทำให้มีผู้ประท้วงถูกจับกุมทั้งหมด 73 คน ในนั้น 21 ราย ถูกสั่งควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดี ตำรวจปราบจลาจล 254 นายได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ ส่วนอีก 104 นายต้องรักษาพยาบาล รวมถึงมีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย