เอเอฟพี – พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกอบพิธีมิสซาในวันคริสต์มาสอีฟ ที่นครรัฐวาติกันครั้งแรกวานนี้ (24 ธ.ค.) นับตั้งแต่ทรงเข้ารับตำแหน่งประมุขคริสตจักรคาทอลิก โดยทรงชี้ถึงความสำคัญของคนเลี้ยงแกะผู้นอบน้อม ในการแสดงละครกำเนิดพระเยซู ขณะที่ประชาชนหลายพันพากันหลั่งไหลไปยังเมืองเบธเลเฮม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู
ในพิธีการที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ประมุขของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีพระชนมายุ 77 พรรษาตรัสว่า คนเลี้ยงแกะในชนบทคือคนกลุ่มแรกที่ได้เห็นการประสูติอันศักดิ์สิทธิ์ “เพราะพวกเขาอยู่ในหมู่ชนชั้นล่าง ที่สังคมมองข้าม”
พระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินา ซึ่งได้รับเลือกขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ประกาศลาออกอย่างกะทันหัน ยังเรียกร้องให้ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกเปิดใจและต่อสู้กับ “จิตวิญญาณแห่งความมืดมน”
“หากเราไม่ยอมเปิดใจ หากเราปล่อยให้ความทะนงตน ความไม่ซื่อ ความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำ เราก็จะตกอยู่ในเงามืดของความชั่วร้าย” โป๊ปฟรานซิสตรัส ทั้งนี้พระองค์ทรงเป็นที่กล่าวขานในด้านความนอบน้อมถ่อมตนอันผิดแผกไปจากพระสันตะปาปาองค์อื่นๆ อีกทั้งทรงเคยสัญญาว่าจะปฏิรูปสำนักวาติกันเสียใหม่ด้วย
โป๊ปฟรานซิสทรงย้ำเตือนว่าทุกวันนี้มีการใช้ความรุนแรงต่อคริสตศาสนิกชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพระองค์ทรงมีรับสั่งเรื่องนี้ในเวลาที่ชาวคริสต์ในซีเรียกำลังอพยพหนีภัยสงคราม และขณะที่ผู้ศรัทธาในฟิลิปปินส์กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับการฟื้นฟูบ้านเรือน ภายหลังที่มหาไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” พัดถล่มในปีนี้
ที่ยุโรป พิธีมิสซาวันคริสต์มาสอีฟซึ่งจัดขึ้นที่โบสถ์บนเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส มีอันต้องล้มเลิกกลางคันวานนี้ (24) หลังมีชิ้นส่วนเพดานร่วงหล่นลงใส่ศีรษะของบาทหลวง นอกจากนี้การค้นพบระเบิดด้านสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองเกนต์ ของเบลเยียม ก็ทำให้ผู้คนเลิกสนใจพิธีเฉลิมฉลองไปสนิท
ที่วาติกัน อันโตนีโอ กันโตเน ช่างฝีมือแห่งเมืองเนเปิลส์ ได้จัดแสดงละครกำเนิดพระเยซูขึ้นที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยเขาตั้งชื่อการแสดงตามโป๊ปฟรานซิส และเซนต์ฟรานซิส อัสซีซี นักบุญชาวอิตาลีในยุคกลางผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับท่าน
ที่เมืองเบธเลเฮม ในเขตเวสต์แบงก์ ฟูอัด ทวัล อัครบิดรละตินแห่งเยรูซาเลมได้ประกอบพิธีมิสซาขึ้นในตอนเที่ยงคืน โดยมีประธานาธิบดี มะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์เข้าร่วมพิธีด้วย
ผู้จาริกแสวงบุญและนักท่องเที่ยวหลายพันคนต่างมุ่งหน้าไปยังกำแพงพิพาทที่กั้นระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพื่อเดินทางไปที่เมืองบนเนินเขาในปาเลสไตน์ ซึ่งยังคงปกคลุมไปด้วยหิมะจากพายุฤดูหนาวที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติในเดือนนี้
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงซานตาคลอสขนาดมหึมาที่จัตุรัสแมนเจอร์ ซึ่งอยู่ด้านนอกของโบสถ์พระคริสตสมภพอันเก่าแก่หลายร้อยปี โดยที่โบสถ์แห่งนี้ มีถ้ำที่สว่างไสวไปด้วยแสงเทียน ซึ่งชาวคริสต์เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระแม่มารีทรงให้กำเนิดพระเยซู