เอเอฟพี – รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณสำหรับปี 2014 สูงถึง 95.88 ล้านล้านเยน (ราว 30 ล้านล้านบาท) ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ของแดนอาทิตย์อุทัย วันนี้ (24) หลังมาตรการขึ้นภาษีทำให้รัฐบาลสามารถเพิ่มงบอุดหนุนต่อกระทรวงกลาโหม และเชื่อว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จขั้นต้นในการทำงบประมาณสมดุล
นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้ลงนามรับรองแผนงบประมาณสำหรับปี 2014 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป โดยจะมีการใช้จ่ายเงินสูงถึง 95.88 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากระดับ 92.61 ล้านล้านเยนในปีก่อนหน้า
ตัวเลขงบประมาณนี้ถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น สืบเนื่องจากการปรับหลักทำบัญชี และเก็บภาษีการขายเพิ่มจาก 5% เป็น 8% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันที่ 1 เมษายน ปี 2014
พร้อมกันนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังงดใช้คำว่า “เงินฝืด” (deflation) ในรายงานภาพรวมเศรษฐกิจเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี โดยระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในขั้น “ฟื้นตัวอย่างช้าๆ”
รายได้จากการเก็บภาษีอัตราใหม่จะถูกแบ่งไปอุดหนุนค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และสวัสดิการสังคม แต่อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณ (ส่วนต่างระหว่างรายได้ของรัฐกับรายจ่ายทุกประเภท ยกเว้นการชำระหนี้) จะลดลงราว 5.2 ล้านล้านเยน เหลือเพียง 18 ล้านล้านเยน ซึ่งก็หมายความว่า หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นซึ่งเวลานี้สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม จะเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่ “ช้าลง”
ญี่ปุ่นตั้งเป้าทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายในปี 2020 แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า คงจะไม่สำเร็จตามกรอบเวลาดังกล่าว
รัฐบาลโตเกียวยังอัดฉีดงบกระทรวงกลาโหมเพิ่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจะปรับเพิ่มอีก 2.8% เป็น 4.88 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 5.1% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด โดยงบส่วนใหญ่จะนำไปขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจียด 0.8% ไว้สำหรับโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบ, อากาศยานไร้คนขับ และกองเรือสะเทินน้ำสะเทินบก
งบสวัสดิการสังคมถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 4.8% เป็น 1.40 ล้านล้านเยน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังมองหาวิธีที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข เช่น การเปลี่ยนมาใช้ยาสามัญ (generic drugs) แทนยาต้นแบบ (original drugs) เพื่อนำเงินที่เหลือไปอุดหนุนครอบครัวที่มีบุตร เช่น ให้บริการรับเลี้ยงเด็กในเวลากลางวัน ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้คนหันมามีบุตรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาอัตราการเกิดที่ต่ำเกินไป
โตเกียวยังอนุมัติงบอุดหนุนการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอีก 2.8% รวมเป็น 1.34 ล้านล้านเยน ตามนโยบายของนายกฯ อาเบะ ซึ่งต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมามีชีวิตชีวาโดยการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคธุรกิจญี่ปุ่น