เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในสหรัฐฯโดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ร่วมกับสถาบันวิจัยโออาร์ซีที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (23) ระบุว่า ในขณะนี้มีกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันเพียง 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ให้การสนับสนุนต่อกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์”
ตัวเลขการสนับสนุนของสาธารณชนอเมริกันต่อรัฐบัญญัติ “Affordable Care Act” ในเดือนธันวาคมที่ 35 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นสถิติต่ำที่สุดครั้งใหม่ แทนที่ตัวเลขการสนับสนุนของชาวอเมริกันต่อกฎหมายดังกล่าวที่ระดับ 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
ผลสำรวจยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นสตรีมีแนวโน้มคัดค้านกฎหมายโอมามาแคร์สูงขึ้นจนน่าตกใจโดยสัดส่วนของผู้หญิงที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าวได้เพิ่มจาก 54 เปอร์เซ็นต์เป็น 60 เปอร์เซ็นต์แล้วในการสำรวจครั้งล่าสุด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และพรรคเดโมแครตจะพยายามเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้หญิงที่เข้าร่วมโครงการประกันสุขภาพ เช่น การมอบแพ็คเกจตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ผลสำรวจล่าสุดของ ซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี ยังระบุว่า มีชาวอเมริกันเพียง 16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คิดว่า ครอบครัวของพวกเขาจะมีหลักประกันด้านสุขภาพที่ดีขึ้น หลังจากที่ข้อกำหนดส่วนใหญ่ในกฎหมายโอบามาแคร์ มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบในปีหน้า
ขณะที่อีก 63 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า พวกเขาจะต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นจากผลของกฏหมายฉบับนี้ที่มีเนื้อหาสำคัญอยู่ที่การบังคับให้ชาวอเมริกันที่ไม่ได้ทำประกันสุขภาพจะต้องซื้อประกัน มิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเลือกแผนการประกันสุขภาพได้บนเว็บไซต์ “HealthCare.gov” ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตั้งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน ผลสำรวจความคิดเห็นโดยหนังสือพิมพ์ “วอชิงตันโพสต์” พบว่า ราว 62 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน ยังคงไม่เข้าใจรายละเอียดของกฎหมายโอบามาแคร์และไม่เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้พวกเขามีหลักประกันด้านสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม