เอเจนซีส์ - ในระหว่างพิธีไว้อาลัยรัฐบุรุษแห่งแอฟริกาใต้ “เนลสัน แมนเดลา” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา มีอิริยาบถที่ผ่อนคลายร่วมกับผู้นำอังกฤษ เดวิด คาเมรอน และนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เฮลเล ธอร์นนิง-ชมิดท์ ด้วยการถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์มือถืออย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสายตาที่ดูเหมือนไม่พอใจนักจากสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ มิเชล โอบามา ซึ่งนั่งถัดออกไป
ในช่วงระหว่างพิธีไว้อาลัยของอดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดลา ที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (10) ในที่สนามฟุตบอลเมืองโซเวโต สื่อเมลออนไลน์ของอังกฤษ ได้รายงานถึงภาพของอิริยาบถของผู้นำคนสำคัญของโลกอย่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพตนเองร่วมกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน และนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เฮลเล ธอร์นนิง-ชมิดท์ ซึ่งมีภาพนาง มิเชล โอบามา ที่นั่งถัดออกไปแสดงอาการเหมือนไม่ยินดีอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งในพิธีไว้อาลัยอันยิ่งใหญ่ โอบามาได้แสดงสุนทรพจน์ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก และรวมไปถึงการจับมือการครั้งแรกระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคิวบา ราอูล คาสโตร ที่ภายหลังทางทำเนียบขาวได้ออกมาชี้แจงว่า การจับมือครั้งประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้ โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ส.ว.รัฐแอริโซนา จอห์น แมคเคน ได้กล่าวเชิงตำหนิการกระทำของโอบามาในครั้งนี้ “การจับมือกับ ราอูล คาสโตร จะช่วยทำให้เขาสามารถสร้างโฆษณาชวนเชื่อได้ต่อไป เพื่อทำให้รัฐบาลของคาสโตรที่เป็นเผด็จการและป่าเถื่อนยังคงอยู่ในอำนาจได้”
และวอชิงตันโพสต์ยังรายงานต่อว่า อิริยาบถที่ดูเหมือนเด็กขี้เบื่อของโอบามาในพิธีที่สำคัญถึงกับต้องนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ออกมาถ่ายภาพร่วมกับผู้นำชาติอื่นนั้นสร้างความไม่พอใจ โดย รัช ลิมบอจฮ์ นักจัดรายการวิทยุสายอนุรักษนิยมสุดกู่ที่สนับสนุนกลุ่ม Tea Party ได้วิจารณ์ว่า “มีใครเชื่อบ้างว่า โอบามาถ่ายรูปตัวเองในงานพิธีไว้อาลัย “เนลสัน แมนเดลา”” และยังมีนักท่องเน็ตหลายรายได้วิจารณ์การแชะรูปครั้งนี้ เช่น เจมส์ อามิตทาก ได้ทวีตข้อความว่า “มีคนโง่ที่เห็นแก่ตัวที่ไหนบ้างที่จะถ่ายภาพตัวเองในงานพิธีไว้อาลัยที่สำคัญเช่นนี้ โอ...ใช่เลย..มีซิ “บารัค โอบามา และเดวิด คาเมรอน” นั่นไง”
ในขณะที่ เอ็ด มิลลิแบนด์ ผู้นำพรรคแรงงานอังกฤษที่มาร่วมงานเช่นกัน ก็ถูกจับภาพได้ว่า เขารู้สึกโดดเดี่ยวเมื่ออดีตผู้นำสหรัฐฯ บิล คลินตัน เลือกที่จะให้ความสำคัญกับ นิค เคลกก์ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ มากกว่าด้วยการจับมือที่อบอุ่นและสนทนาวิสาสะ