เอเจนซีส์ - หน่วยงานควมมั่นคงสหรัฐฯ NSA ได้แถลงยอมรับว่า ทางหน่วยงานปฏิบัติการ Location-tracking เก็บข้อมูลตำแหน่งการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จากทั่วโลกราวหลายพันล้านข้อมูลต่อวันจริง แต่ทางหน่วยงานทำตามคำสั่งอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน ในปี 1981 ซึ่งทาง NSA อ้างว่า โครงการนี้มุ่งเก็บข้อมูลของผู้ใช้ต่างชาติเท่านั้น
จากอดีตเอกสารลับของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน พบว่า โครงการ Location-tracking แอบรวบรวมข้อมูลตำแหน่งการใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลกเกือบ 5 พันล้านข้อมูลต่อวัน เพื่อสร้างฐานข้อมูลดูความสัมพันธ์ของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่กับสายปลายทางต่างๆ ทั่วโลก และใช้เครื่องมือ “Co-Traveler” ในการค้นหารายชื่อ โดย NSA ใช้วิธีดักฟังผ่านเครือข่ายเคเบิลของโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมกันเป็นโครงข่ายทั่วโลก ที่ทางสื่อสหรัฐฯ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้รายงานก่อนหน้านั้น
โดยทางโฆษก NSA วานี ไวน์ส เปิดเผยว่า เหตุที่โครงการ Location-tracking นี้ถูกต้องตามกฎหมายสหรัฐฯ เนื่องจากทำตามคำสั่งประธานาธิบดี 12333 (EO 12333) ซึ่งย้อนกลับไปในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน ที่ยังควบคุมหน่วยงานข่าวกรองต่างๆ ในขณะที่ยังบริหารประเทศอยู่ในสมัยนั้น
ซึ่งโครงการนี้ไม่ได้ละเมิดกฎหมายข่าวกรองสหรัฐฯ หรือ FISA ที่คอยกำกับหน่วยงาน NSA อยู่อย่างใด แต่ทว่าโครงการ Location-tracking นี้ได้ถูกกำกับจากคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสจำนวนหลายคณะ
โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และบรรดาหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ มักจะตัดสินโครงการของหน่วยงานข่าวกรองจากพื้นฐานการกำกับดูแลโดยศาล สภาคองเกรส และรัฐบาลกลางสหรัฐฯ แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ ของโครงการสอดแนมที่อยู่ภายใต้การดูแลของศาลลับ FISA นั้น จะไม่มีผลต่อคำสั่งทางบริหารที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว
“มันไม่ใช่พบได้ทั่วไป” ไวน์สกล่าวโต้ในวันศุกร์ (6) ที่กล่าวหาว่า พลเมืองสหรัฐฯ ได้ตกเป็นเป้าหมายโครงการสอดแนมนี้ “คำสั่ง EO 12333 ของหน่วยงานในการเก็บข้อมูลนั่นมีเป้าหมายอยู่นอกประเทศ เราไม่มีความตั้งใจที่จะเก็บข้อมูลในประเทศในการใช้โครงการนี้”
แต่อย่างไรก็ตาม ไวน์สยืนยันว่า ทางหน่วยงาน “ไม่รู้ และไม่สามารถแกะรอยตำแหน่งของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกหมายเลขได้” และปฏิบัติการนี้ “ใช้ในส่วนที่อันตรายที่สุดในโลกเท่านั้น รวมถึงบริเวณที่ยังไม่สงบซึ่งเป็นพื้นที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายใช้วางแผนเพื่อโจมตีสหรัฐฯ”
