เอพี/เอเจนซีส์ – วาติกันวานนี้ (3 ธ.ค.) บ่ายเบี่ยงที่จะตอบสารพัดคำถาม ซึ่งคณะกรรมการของยูเอ็นยิงใส่ เกี่ยวกับปัญหาที่มีบาทหลวงล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยนครรัฐแห่งนี้อ้างว่าไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมการกระทำของชาวคาทอลิกทั้งหมดในโลกนี้ แม้กระทั่งนักบวช สังฆมณฑล หรือโรงเรียนนิกายคาทอลิกเองก็ตาม
ในทางตรงกันข้าม วาติกันยืนกรานว่า ที่สุดแล้ว บิชอปประจำสังฆมณฑลต่างๆ คือผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเด็กๆ ให้รอดพ้นจากพระที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นอกจากนี้ โรงเรียน และสถานสงเคราะห์ที่พบการกระทำอนาจาร ทั้งที่อยู่ในไอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ขึ้นตรงต่อกฎและระเบียบของรัฐนั้นๆ หาได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของนครรัฐวาติกันแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ที่วาติกันต้องออกมาแสดงจุดยืนเช่นนี้ ก็เพื่อตอบคำถามของคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิเด็กของยูเอ็น ในเรื่องการประกาศใช้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ปี 1989 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาหลักของยูเอ็นที่ให้การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของเด็กอย่างครอบคลุม
วาติกันเคยให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับนี้ในปี 1990 และส่งรายงานผลสัมฤทธิ์ฉบับแรกในปี 1994 ทว่าไม่ได้ส่งรายงานความคืบหน้ามาเกือบ 10 ปีแล้ว จนกระทั่งปี 2012 จึงส่งมาอีกฉบับหนึ่ง หลังได้รับแรงกดดันอีกครั้งจากกระแสโกรธเคืองการล่วงละเมิดทางเพศที่แผ่ลามไปทั้งเด็กทั้งในยุโรป และทวีปอื่นๆ ในปี 2010
คณะกรรมการของยูเอ็นชุดนี้ได้ตั้งคำถามมากมาย เกี่ยวกับรายงานความคืบหน้าประจำปี 2012 ดังกล่าว และจะซักฟอกผู้แทนของวาติกันซึ่งๆ หน้า ในการพิจารณาของคณะกรรมการ ที่นครเจนีวาในวันที่ 16 มกราคม
อย่างไรก็ตาม นครรัฐวาติกันได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามมากมาย โดยยืนยันว่า สนธิสัญญาระหว่างประเทศนั้นมีลักษณะเป็นการทำข้อตกลงของแต่ละรัฐ ดังนั้นจึงสามารถนำมาบังคับใช้ได้กับดินแดนที่วาติกันมีอำนาจปกครองเท่านั้น ซึ่งก็คือนครรัฐวาติกันใจกลางกรุงโรมแห่งนี้ ที่มีพื้นที่เพียง ราว 278 ไร่ และในตอนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 เพียงแค่ 31 คนเท่านั้น
“นครรัฐวาติกันไม่ได้ยอมรับ หรือให้สัตยาบันต่อบรรดาสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน ในนามของชาวคาทอลิกทุกคนบนโลกนี้” วาติกันกล่าว และเสริมว่า “ทุกคนจะต้องทำตามกฎหมายของประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่”
นอกจากนี้ วาติกันได้อ้างว่าเป็นผู้สนับสนุนให้ศาสนจักรคาทอลิกทั้งหมดทำตามนโยบาย และแนวปฏิบัติ เพื่อขจัดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ และเพื่อปกป้องเด็กๆ ตลอดจนปลดพวกกระทำอนาจารออกจากสถานะนักบวช นครรัฐแห่งนี้กล่าวด้วยว่า ได้สั่งให้ที่ประชุมบิชอปทั่วโลกจัดทำคู่มือแนวทางต่อสู้กับการล่วงละเมิดทางเพศ และได้เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของโบสถ์ทั้งหมดที่ขึ้นกับนครรัฐวาติกัน เพื่อเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงแก่ผู้กระทำอนาจาร
และเท่าที่วาติกันจะทำได้ นครรัฐนี้รายงานว่า เมื่อช่วงฤดูร้อนที่แล้ว พระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ปรับปรุงกฎหมายของรัฐวาติกัน โดยกำหนดให้การใช้ความรุนแรงทางเพศ การค้าประเวณี และการมีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในครอบครอง ถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อเด็ก ซึ่งอาจได้รับบทลงโทษสูงสุด คือจำคุก 12 ปี นอกจากนี้ ทหารรับจ้างชาวสวิสผู้มีหน้าที่อารักขา วาติกันกำลังเข้ารับการอบรมเรื่องสิทธิมนุษยชน และนครรัฐกำลังก่อตั้งโครงการ “สิ่งแวดล้อมปลอดภัย” สำหรับเด็ก