เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลรัสเซียประกาศในวันอังคาร (3) ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2014 ของประเทศลง พร้อมเตือนว่า “เมฆหมอกแห่งความซบเซา” ของเศรษฐกิจแดนหมีขาว จะยังคงดำเนินต่อไป
อเล็กเซ อุลยูคาเยฟ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการทางเศรษฐกิจของรัสเซียแถลงต่อผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (3) โดยยืนยันว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของรัสเซียในปีหน้า อาจมีการขยายตัวเพียงแค่ 2.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ลดลงจากเป้าหมายเดิมซึ่งกำหนดไว้ที่ 3.0 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซียในปี 2015 อาจลดลงเหลือเพียง 2.8 เปอร์เซ็นต์ จากเป้าหมายเดิมที่ 3.1 เปอร์เซ็นต์
อูลยูคาเยฟ เผยเรื่องดังกล่าวระหว่างเดินทางมาเข้าร่วมประชุมสุดยอดองค์กรการค้าโลก(World Trade Organization : WTO) ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย โดยยอมรับว่า เศรษฐกิจของรัสเซียที่ได้ชื่อว่า มีขนาดใหญ่เป็น “อันดับ 8 ของโลก”จะยังคงไม่หลุดพ้นจาก “เมฆหมอกแห่งความซบเซา” ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจของรัสเซียจะไม่มีการเติบโตเกินกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปีไปจนกว่าจะผ่านพ้นปี ค.ศ. 2030 ไปแล้ว
โดยนอกเหนือจากการปรับลดเป้าการเติบโตของจีดีพีในปี 2014-2015 แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงกิจการทางเศรษฐกิจของรัสเซียยังยอมรับว่า ในปี 2013 นี้ เศรษฐกิจแดนหมีขาวอาจเติบโตทั้งปีได้เพียง 1.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งจะถือเป็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ “ต่ำที่สุด” นับตั้งแต่ที่ “ประธานาธิบดี 3 สมัย” อย่าง วลาดิมีร์ ปูติน ครองอำนาจ โดยไม่นับรวมการที่เศรษฐกิจของรัสเซียประสบภาวะหดตัว 7.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2009 ซึ่งในเวลานั้น ปูตินได้สลับไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ
อูลยูคาเยฟระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่รัสเซียต้องทบทวนโมเดลการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศเสียใหม่ จากที่แต่เดิมรัสเซียมัวแต่หวังพึ่งพาความมั่งคั่งจาก “น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ” เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยรัสเซียมีความจำเป็นต้องสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ แทนการผูกติดกับราคาพลังงานในตลาดโลก
ทั้งนี้ รัสเซียเคยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยสูงถึง 7.0 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในช่วงปี 2000 -2008 และถึงแม้วิกฤตทางเศรษฐกิจในรัสเซียเมื่อปี 2009 จะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่รัสเซียก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากภาวะซบเซาได้ เห็นได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2011 และปี 2012 ที่พบการเติบโตเพียง 4.3 เปอร์เซ็นต์ และ 3.4 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ