เอเอฟพี – ทุกๆ 9 โมงเช้าหากชำเลืองมองไปที่กระท่อมในสวนหลังบ้านหลังหนึ่ง ในกรุงอัมสเตอร์ดัม จะพบเห็นผู้ติดสุราเรื้อรังกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมตัวออกทำความสะอาดถนนรอบๆ ทั้งที่มือยังถือเบียร์และบุหรี่อยู่เลย
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพวกเขาได้รับค่าแรงสำหรับการทำงานแต่ละวันเป็นเงิน 10 ยูโร (ราว 429 บาท) บุหรี่ครึ่งซอง และที่ดึงดูดพวกเขาได้มากที่สุดก็คือเบียร์ 5 กระป๋อง โดย 2 กระป๋องไว้ดื่มตอนเริ่มต้นเช้าวันใหม่ อีก 2 กระป๋องตอนพักกินข้าวเที่ยง และอีก 1 กระป๋องไว้ตบท้ายตอนเลิกงาน
“ผู้ติดสุราเรื้อรังกลุ่มนี้ เคยก่อกวนความสงบในสวนสาธารณะอูสเตอร์ปาร์ค ของกรุงอัมสเตอร์ดัม ทั้งชกต่อยกัน ส่งเสียงดัง และแซวผู้หญิง” เจอร์รี โฮลเตอร์แมน ประธานโครงการมูลนิธิเรนโบว์ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ และจากเงินบริจาคกล่าว “จุดมุ่งหมายของโครงการนี้ก็คือหางานให้พวกเขาทำ ให้พวกเขาได้ทำอะไรสักอย่าง จะได้หยุดสร้างปัญหาในสวนสาธารณะ” เธอให้สัมภาษณ์เอเอฟพี
ทั้งนี้ ผู้ติดสุราเรื้อรังจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 10 คนโดยให้แต่ละกลุ่มทำงานสัปดาห์ละ 3 วัน
วิธีการจัดการกับพวกที่มีพฤติกรรมต่อต้านสังคมอย่างสร้างสรรค์เช่นนี้ สะท้อนให้เห็นแนวปฏิบัติในสังคมเนเธอร์แลนด์ ซึ่งชาวต่างชาติอาจจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ชาวดัตช์เห็นเป็นแค่เรื่องธรรมดา
แต่ละวันพวกเขาจะเริ่มทำงานประมาณ 09.00 น.โดยคนงานเหล่านี้จะดื่มเบียร์ 2 กระป๋อง และกาแฟสักหน่อย ก่อนจะตระเวนทำความสะอาดถนนสายต่างๆ
เจอร์รี นั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่เพื่อจดบันทึกปริมาณเบียร์ที่แต่ละคนดื่มอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็มีบรรยากาศของความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ถ้าเธอมีธุระเร่งด่วน ก็จะให้ผู้ติดสุราบันทึกปริมาณเบียร์ที่ดื่มเอง
“ผมตอบแทนเพื่อนๆ ได้เลยว่า หากพวกเขาไม่ให้เบียร์ พวกเราก็จะไม่มา” แฟรงก์ ซึ่งสวมชุดสีสะท้อนแสงสำหรับพนักงานกวาดถนนกล่าว ขณะในมือยังถือถุงขยะ และคีมคีบขยะ
“เราจำเป็นต้องดื่มเหล้าก่อนทำงาน นั่นล่ะคือข้อเสียของโรคพิษสุราเรื้อรัง” ชายวัย 45 ปีผู้นี้กล่าวอย่างปลงๆ
แฟรงก์เล่าว่า เขาถูกจับในความผิดฐานก่อเหตุรุนแรง และไม่เคยทำงานให้ใครมาก่อน อีกทั้งไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง