เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลสั่งระงับแผนขยายนิคมชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์อีก 20,000 หลังคาเรือน วานนี้ (12) หลังเผชิญเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากทั้งสหรัฐฯ และปาเลสไตน์
ผู้นำอิสราเอลสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะ อูริ เอเรียล “ทบทวนทุกขั้นตอนในแผนก่อสร้างนิคมใหม่ ซึ่งเขาได้เผยแพร่ออกไปโดยไม่ขอความร่วมมือเสียก่อน” ถ้อยแถลงจากสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
เนทันยาฮูกล่าวกับเอเรียลว่า แผนขยายนิคมดังกล่าว “ไร้ค่า” ในทางกฎหมาย และทำให้อิสราเอลต้องเผชิญหน้ากับนานาชาติโดยไม่จำเป็น ในช่วงเวลาที่รัฐยิวกำลังโน้มน้าวให้ประชาคมโลกแสวงหาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านที่เหมาะสมกว่านี้
คำสั่งถอยของนายกฯ อิสราเอลมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ออกมาขู่ว่า แผนก่อสร้างนิคมชาวยิวที่กระทรวงการเคหะอิสราเอลประกาศเมื่อวานนี้ (12) อาจทำให้ปาเลสไตน์ตัดสินใจล้มเลิกแผนเจรจาสันติภาพ
ด้านสหรัฐฯ ก็แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนของอิสราเอล ซึ่งจะทำให้ชาวยิวหลั่งไหลเข้าไปในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออกเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีชาวยิวตั้งถิ่นฐานอยู่แล้วประมาณ 550,000 คน
เนทันยาฮูเอ่ยชัดเจนว่า การที่กระทรวงการเคหะขอให้ผู้ที่สนใจยื่นซองประมูลก่อสร้างนิคมชาวยิวเพิ่มเติมนั้น จะทำลายความพยายามของตนที่จะโน้มน้าวให้ชาติมหาอำนาจงดทำข้อตกลงกับนิวเคลียร์กับอิหร่าน
“เวลานี้นานาชาติไม่ควรถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจากประเด็นสำคัญที่สุด นั่นก็คือการป้องกันไม่ให้อิหร่านได้ทำข้อตกลงใดๆ ก็ตาม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเดินหน้ากิจกรรมนิวเคลียร์ต่อไปได้” ผู้นำอิสราเอลระบุในถ้อยแถลง
ผลการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งได้แก่ สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, จีน, รัสเซีย และสหราชอาณาจักร บวกกับเยอรมนี ยังคงไร้วี่แววว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีกำหนดเปิดเจรจาครั้งที่ 2 ที่นครเจนีวา ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้