xs
xsm
sm
md
lg

ปาฏิหาริย์! “หนูน้อยปินส์” ลืมตาดูโลกขณะ “ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน” ถล่มบ้านเมืองราบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หนูน้อย เบีย จอย ทารกเพศหญิงที่ลืมตาดูโลก ระหว่างที่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่มหมู่เกาะฟิลิปปินส์
เอเอฟพี – ทารกเพศหญิงคนหนึ่งได้ลืมตาดูโลกขณะที่มหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) ซัดถล่มเมืองตาโกลบันของฟิลิปปินส์จนราบเป็นหน้ากลอง ด้านคุณแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม พร้อมตั้งชื่อลูกสาวตามมารดาของตนเองที่สูญหายขณะพายุเข้าฝั่ง

เอมิลี ซากาลิส วัย 21 ปี ให้กำเนิดบุตรสาวผู้ได้ฉายาว่า “หนูน้อยมหัศจรรย์” ภายในสนามบินซึ่งถูกดัดแปลงเป็นศูนย์พยาบาลชั่วคราว โดยมีเพียงผืนผ้าเก่าๆ ไว้รองนอน ท่ามกลางเศษกระจก, โลหะ, ตะปู และข้าวของอื่นๆ ที่พังพินาศจากพลังทำลายล้างของมหาไต้ฝุ่น

“เธอน่ารักมาก ฉันจะตั้งชื่อลูกว่า เบีย จอย (Bea Joy) เพื่อระลึกถึงคุณแม่เบียทริซ” ซากาลิส เอ่ยกระซิบเบาๆ หลังคลอดได้ไม่นานนัก

มารดาของ ซากาลิส ถูกคลื่นซัดจมหายไปขณะที่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่มชายฝั่งเมืองตาโกลบัน เมืองเอกของจังหวัดเลย์เต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดแห่งหนึ่ง

ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนนับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดเท่าที่ฟิลิปปินส์เคยบันทึกไว้ โดยทางการประเมินยอดผู้เสียชีวิตไว้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน เฉพาะในจังหวัดเลย์เต ส่วนบนเกาะอื่นๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทางตอนกลางของประเทศก็คาดว่าจะมีชาวบ้านสังเวยพายุหลายร้อยศพ

แม้ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนจะนำมาซึ่งจุดจบของชีวิตคนนับหมื่น แต่สำหรับหนูน้อย เบีย จอย เส้นทางชีวิตของเธอกำลังเริ่มต้นขึ้น

“เธอคือปาฏิหาริย์สำหรับฉัน ฉันนึกว่าเราสองแม่ลูกจะต้องตายพร้อมกันเสียแล้ว ตอนที่คลื่นโถมเข้าใส่บ้านเราจนทุกคนกระจัดกระจายไปหมด” ซากาลิส กล่าวระหว่างที่อาสาสมัครแพทย์กำลังหยดยาเข้าหลอดเลือดดำ

โจเบิร์ต ผู้เป็นสามีเล่าว่า ความรุนแรงของไต้ฝุ่นทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง หอบเอาบ้านไม้ของเขาที่ตั้งอยู่ชายทะเลในเมืองซานโฆเซลอยลึกเข้าไปในแผ่นดินหลายเมตร สมาชิกทุกในคนครอบครัวต่างกระจัดพลัดพรายไปหมด

ชุมชนที่ โจเบิร์ต อาศัยอยู่ถูกพายุพัดเสียหายยับเยิน จากหมู่บ้านชายทะเลที่สวยงามกลับกลายเป็นเพียงกองขยะที่เต็มไปด้วยซากศพมนุษย์และสัตว์เลี้ยง

โจเบิร์ต บอกว่า คงเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทำให้เขาได้พบภรรยาลอยอยู่กลางเศษซากบ้านเรือน เมื่อน้ำเริ่มลด ทั้งสองจึงมาอาศัยอยู่ในอาคารเรียนแห่งหนึ่งร่วมกับชาวบ้านที่รอดชีวิต และมีเพียงน้ำดื่มขวดที่พบตามซากบ้านเรือนช่วยประทังชีวิตมาจนถึงวันนี้ (11)

“ภรรยาผมเริ่มเจ็บท้องคลอดตอนตีห้า ผมต้องพาเธอเดินออกมาไกลหลายกิโลเมตร กว่าจะเจอคนขับรถบรรทุกที่ยอมรับเราขึ้นไป”

ร้อยเอก วิกตอเรียโน ซัมบาเล แพทย์ทหารซึ่งทำคลอดให้ ซากาลิส เล่าว่า คุณแม่ยังสาวรายนี้น้ำเดินตั้งแต่มาถึงศูนย์พยาบาลใหม่ๆ และมีเลือดออกระหว่างคลอดด้วย

“เราเพิ่งเคยทำคลอดที่นี่เป็นครั้งแรก เด็กสุขภาพแข็งแรงดี และเราก็ห้ามเลือดให้คุณแม่เรียบร้อยแล้ว”

อย่างไรก็ตาม แพทย์เกรงว่าสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดอาจทำให้แม่และเด็กติดเชื้อได้ง่าย และเวลานี้แพทย์เองก็แทบไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ ที่จะช่วยเหลือ

“คุณแม่ยังเสี่ยงที่จะติดเชื้อ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด และน่าเสียดายที่ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดทางปากเพิ่งจะหมดไปเมื่อวานนี้เอง” ซัมบาเล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น