รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ได้สั่งให้กองทัพเวเนซุเอลาเข้าทำการ “ยึด” ร้านเครื่องไฟฟ้าเชนสโตร์ “ดากา” ฐานขายสินค้าราคาสูงเกินความเป็นจริงจนทำให้เป็นการบ่อนทำลายเการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผู้จัดการทั้ง 5 สาขาและพนักงานของร้านอีกกว่า 500 คน โดนจับกุม
รัฐบาลสังคมนิยมของประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ได้ออกคำสั่งยึดร้านครื่องไฟฟ้าเชนสโตร์ “ดากา” ทั้ง 5 สาขาในประเทศ รวมถึงจับกุมผู้จัดการของร้านและพนักงานของร้านอีกกว่า 500 คน และสั่งให้บริษัทแห่งนี้ขายสินค้าในราคา “ยุติธรรม” มาดูโรเผยในกลางคืนวันศุกร์(8)ที่ผ่านมา
สื่อของรัฐเวเนซุเอลารายงานว่า ทหารของกองทัพเวเนซูเอลาเข้าไปยังสาขาหนึ่งของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าดากาเพื่อเช็กราคาป้ายสินค้าทีวีสีจอแบน และมีชาวเวเนซูเอลาหลายร้อยรายเข้าไปภายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าดากาทุกสาขาในตอนเช้าวันเสาร์(9)เพื่อเลือกซื้อสินค้าที่ได้รับการปรับราคาให้ต่ำลง
“ทางรัฐบาลทำแบบนี้เพื่อเป็นประโยชน์กับเวเนซุเอลา” มาดูโร วัย 50 ปี เผยต่อ โดยเขาได้กล่าวหานักธุรกิจเวเนซุเอลาและปรปักษ์ทางการเมืองฝ่ายขวาโดยมีสหรัฐฯหนุนหลังอยู่กำลังทำสงครามเศรษฐกิจกับรัฐบาลของเขา “ผมสั่งการให้ใช้กำลังทางทหารเข้ายึดร้านเครื่องไฟฟ้าเชนสโตร์ร้านนี้ทันที เพื่อสั่งให้ขายของทุกอย่างที่ยังคงค้างในสต็อกในราคาที่เหมาะสมให้กับผู้บริโภค ...การปล้นประชาชนแบบนี้ต้องสิ้นสุดลง”
ซึ่งมาตรการที่เข้มงวดนี้ออกมาหลังจากที่มีการเตือนล่วงหน้าหลายอาทิตย์ก่อนหน้านั้น ที่ทางรัฐบาลเวเนซุเอลาประกาศจะใช้มาตรการผลักดันก่อนเทศกาลคริสมาสต่อธุรกิจภาคเอกชนในการทำให้ราคาสินค้านั้นต่ำลง และจากเหตุการณ์นี้ทำให้ย้อนรำลึกถึงการกวาดล้างในยุคเรืองอำนาจตลอด 14 ปีของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ โดยมาดูโร ก้าวขึ้นสู่อำนาจแทนชาเวซในเดือนเมษายนที่ผ่านมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยโรคมะเร็ง
คาร์ลอส แรงเกิล วัย 37 ปี หนึ่งในจำนวนลูกค้า 500 คนของร้านดากาที่ยืนรอต่อคิวเข้าซื้อสินค้าที่กรุงคาราคัส “ ตอนนี้เงินเฟื้อกำลังฆ่าเราอยู่ ผมไม่แน่ใจว่ามาตรการที่ทำนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ทำให้ผู้ประกอบการตั้งราคาสินค้าขายในราคาที่เหมาะสม” โดยเขาต้องยืนรอต่อคิวพร้อมกับบรรดาญาติคนอื่นๆเป็นเวลาทั้งคืน เพื่อจะได้อยู่ในลำดับต้นๆเพื่อซื้อโทรทัศน์และเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่มีทหารเวเนซุเอลายืนประจำอยู่นอกร้านก่อนที่ร้านจะเริ่มเปิดจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ต่างให้ความเห็นว่า เวเนซูเอลานั้นมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 54% สูงสุดมาตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งเป็นปีที่ชาเวซขึ้นสู่อำนาจ และการที่ประเทศต้องตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเพราะการบริหารที่ผิดพลาด ตลอดจนนโยบายประชานิยมของชาเวซมากกว่าการตั้งราคาที่สูงของร้านค้า
นอกจากนี้ฝ่ายค้านเวเนซุเอลาได้กล่าวโทษถึง ระบบรวมศูนย์อำนาจของรัฐบาลมาดูโรที่มีอำาจมากเกินไปทุกแห่ง รวมถึงการทำธุรกิจแบบขาดจริยธรรมของภาคเอกชนที่ทำให้มีการขาดแคลนสินค้าพื้นฐานอย่างหนักนับตั้งแต่แป้งสาลีจนถึงกระดาษชำระ นอกจากนี้ราคาสินค้าในตลาดมืดที่สูงกว่า 10 เท่ากว่าราคาที่ทางการกำหนดไว้ส่งผลให้มีการบิดเบือนราคาสินค้าและการฉ้อโกงเกิดขึ้น
โดยทางการเวเนซุเอลาได้ประกาศให้ขายสินค้าให้กับประชาชนในราคาสินค้าที่รัฐบาลได้กำหนดไว้เมื่อ10ปีก่อนหน้านั้น จนทำให้บรรดานักธุรกิจที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศต่างอ้างว่าต้องขายให้กับตลาดมืดซึ่งได้ราคาสูงกว่า 10 เท่า เป็นเพราะเขาซื้อของจากต่างประเทศมาในราคาที่สูงกว่าที่ทางรัฐกำหนด
อย่างไรก็ตาม หลังจากการเข้ายึดร้านดากา มาดูโรแสดงความพึงใจที่เห็นว่าตู้เย็นในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งนี้ติดป้ายขายในราคา 196,000 โบลิวาร์ (หรือเท่ากับ 31,111 ดอลลาร์ ตามเรทแลกเปลี่ยนเงินตราของรัฐบาล) และเครื่องปรับอากาศขายในราคา 7,000 โบลิวาร์ (1,111 ดอลลาร์) ในร้านดากา ซึ่วก่อนหน้านั้นถูกปิดป้ายขายในราคา 36,000 โบลิวาร์ ( 5,714 ดอลลาร์)