เอเอฟพี – เศรษฐกิจอินโดนีเซียในไตรมาสสามขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี อันเป็นผลมาจากภาคส่งออกที่ซบเซา ประกอบกับอัตราการบริโภคที่ลดลงจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น สถิติจากรัฐบาลเผยวันนี้(6)
เศรษฐกิจเมืองอิเหนาขยายตัวราว 5.62% ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนกันยายน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเติบโตราว 5.82% ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ
อินโดนีเซียซึ่งเคยเป็นสวรรค์ของนักลงทุนต่างชาติเริ่มถึงคราวอับแสงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังภาคการส่งออกเริ่มซบเซา โดยเฉพาะสินค้าประเภทถ่านหินและยางพาราซึ่งมีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่
ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นพลอยฉุดให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยานในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ขณะที่กระแสความกังวลว่าสหรัฐฯอาจปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก็ส่งผลให้ค่าเงินรูเปียะห์ดิ่งเหว
รัฐบาลอิเหนาพยายามควบคุมค่าเงินและยับยั้งการไหลออกของเงินทุน โดยปรับอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 150 basis points ตั้งแต่เดือนมิถุนายน อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า นโยบายการเงินแบบเข้มงวด (monetary tightening) เช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
สุรยามิน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย ระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากชนชั้นกลางในแดนอิเหนากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
“เงินรูเปียะห์ที่อ่อนค่ายังส่งผลให้การลงทุนซบเซาลงมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” สุรยามิน กล่าวเสริม
เดวิด ซูมวล นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเซ็นทรัลเอเชีย ประเมินว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียตลอดทั้งปีนี้จะขยายตัวไม่ถึง 6% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 โดยอยู่ที่ราวๆ 5.7%
