เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้ (1) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน จากสต๊อกที่สูงลิ่วและดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ปัจจัยหลังนี้ก็ฉุดให้ทองคำลงพอสมควร ส่วนวอลล์สตรีท ปิดบวกเล็กน้อย ตามข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯและจีน
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่าเทรเดอร์และนักลงทุนยังคงเพ่งเล็งไปที่คลังน้ำดิบสำรองของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าสู่เดือนตุลาคม ขณะเดียวกันราคาน้ำมันวานนี้ (1) ยังถูกฉุดจากดอลลาร์ที่แข็งขึ้นอย่างมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมาด้วย
ปัจจัยดอลลารที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร อันมีต้นตอจากข่าวลือว่าธนาคารกลางยุโรปอาจปรับลดอัราดอกเบี้ยหลังพบภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำในยูโรโซน ก็ฉุดให้ราคาทองคำวานนี้ (1) ขยับลงต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,313.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (1) ปิดบวกเล็กน้อย จากข้อมูลการผลิตที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯและจีน รวมถึงยอดจำหน่ายรถยนต์ในอเมริกา
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 69.80 จุด (0.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,615.55 จุด เอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 5.10 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,761.64 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 2.33 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,922.04 จุด
ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีท มีขึ้นหลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตอย่างเป็นทางการของจีนประจำเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นแตะระดับ 51.4 จุด จาก 51.1 จุดในเดือนกันยายน สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2012
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตสหรัฐฯ จากสถาบันจัดการอุปทาน ประจำเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นสู่ 56.4 จุด จาก 56.2 จุดในเดือนกันยายน เช่นเดียวกับยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนตุลาคมของบิ๊กทรี ไครสเลอร์ ฟอร์ด และเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งล้วนเพิ่มขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ระดับเลขสองหลัก