ผอ.ข่าวกรองมะกันชี้ “สอดแนมผู้นำชาติอื่น” เป็นเรื่องธรรมดา

เอเอฟพี - ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ชี้งานข่าวกรองจะต้องมีการสืบเจตนาของผู้นำชาติอื่นเป็นธรรมดา แต่ไม่ยืนยันว่าสหรัฐฯ “สอดแนม” การใช้โทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีจริงหรือไม่

เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ยอมรับว่า การสืบหาเจตนาที่แท้จริงของประมุขรัฐอื่นๆ ถือเป็น “หลักการพื้นฐาน” ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มานานแล้ว

“ผมอยู่ในแวดวงข่าวกรองมา 50 ปี เจตนารมณ์ของผู้นำประเทศที่แสดงออกมาในรูปแบบใดก็ตาม ถือเป็นหลักพื้นฐานที่เราจะต้องรวบรวมและวิเคราะห์” แคลปเปอร์ แถลงต่อคณะกรรมการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ วานนี้ (29)

“สหรัฐฯ ได้ประโยชน์อย่างมากจากการที่ได้ทราบว่าประเทศหนึ่งมาจากไหน, มีนโยบายอย่างไร และจะส่งผลกระทบกับเราในแง่มุมต่างๆ อย่างไรบ้าง... ดังนั้น มันไม่ใช่การสอดแนมตัวผู้นำเท่านั้น แต่เป็นการสืบให้ทราบสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขา และนโยบายที่รัฐบาลเหล่านั้นจะใช้”

จากข้อมูลลับที่เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน นำออกเผยแพร่ให้ทั่วโลกรับรู้ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ได้ดักฟังการสื่อสารของผู้นำหลายประเทศ รวมไปถึงนายกฯหญิงแห่งเมืองเบียร์ ซึ่งข่าวนี้ก็นำมาซึ่งเสียงประท้วงอย่างรุนแรงจากเยอรมนีและทั่วทั้งยุโรป ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังสับสนอยู่ว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามารับรู้และอนุมัติปฏิบัติการสอดแนมดังกล่าวหรือไม่

ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมการข่าวกรองแห่งสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งคำถามว่า “หนทางที่ดีที่สุด” ที่จะทราบแผนการของผู้นำชาติอื่นคือการ “เข้าไปใกล้ชิดกับผู้นำท่านนั้น หรือสืบจากการสื่อสารของผู้นำท่านนั้นใช่หรือไม่” ซึ่ง แคลปเปอร์ ก็ตอบรับว่า “ใช่” และเมื่อถามว่า ชาติพันธมิตรก็สอดแนมอเมริกาเช่นกันหรือไม่ แคลปเปอร์ ก็ตอบรับว่า “แน่นอน”

อย่างไรก็ดี ส.ส.อดัม ชิฟฟ์ ชี้ว่าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯบกพร่องต่อหน้าที่ที่จะต้องแจ้งให้คณะกรรมการข่าวหรองแห่งคองเกรสรับทราบ “ปฏิบัติการสอดแนมที่สำคัญ” ซึ่งอาจหมายรวมถึงการสอดแนมผู้นำชาติอื่น แต่ แคลปเปอร์ โต้แย้งว่า หน่วยข่าวกรองได้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยการแจ้งให้คองเกรสทราบถึงแนวทางหลักๆในการสืบข้อมูล โดยไม่จำเป็นต้องระบุแหล่งข้อมูล หรือ “selector” ที่จะถูกติดตาม