เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งคนหนึ่งที่หวังจะเป็นผู้พิการคนแรกที่ได้กระโดดร่มเหนือยอดเขาเอเวอเรสต์บอกว่าต้องการใช้ความกล้าของเขาส่ง “สาสน์แห่งความหวัง” ไปให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้กับโรคเดียวกัน
“ผมเป็นคนมีความสุข อาจจะบ้าๆ ไปหน่อย ... แค่นิดหน่อย แต่ยังไงผมก็มีความสุข” มาร์ก กอปป์ ชายฝรั่งเศสวัย 55 ปีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี ขณะอยู่ที่กรุงกาฐมัณฑุ ก่อนที่สัปดาห์หน้าเขาจะกระโดดร่มแบบแทนดั้ม ซึ่งเป็นการดิ่งพสุธาแบบมีผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมร่มให้
กอปป์ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่เขตปกครองลองวี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงปารีส ได้ป่วยเป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (เอ็มเอส) มานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นโรคระบบประสาทเสื่อมประเภทที่ทำให้สมองไม่สามารถสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดบาดแผลในสมอง รวมทั้งไขสันหลัง และอย่างโชคร้ายที่สุด ผู้ป่วยจะสูญเสียความสามารถในการเดินหรือพูดคุยไป
แม้ว่า ปกติแล้วกอปป์จะนั่งรถเข็น แต่เนื่องจากสถานที่ต่างๆ ในเนปาลไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก เขาจึงต้องหันมาพึ่งไม้เท้า และคอยยึดเกาะมารีโอ เจร์วาซี เพื่อนของเขาซึ่งเป็นแชมป์นักดิ่งพสุธา ที่จะทำหน้าที่ควบคุมร่มให้เขาในการกระโดดครั้งนี้
เมื่อ 13 ปีที่แล้ว กอปป์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสในส่วนรัฐบาลท้องถิ่น เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมองเห็นได้ไม่ชัด แต่เขาก็ละเลยไม่ใส่ใจอาการตาพร่า ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคเอ็มเอส ที่ชี้ว่าเขาทำงานหนักเกินไป จากนั้นเขาก็เริ่มขยับขาขวาไม่ได้ และรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงเวลาพยายามทำงานง่ายๆ เบาๆ ต่อมาเขาก็ขยับแขนขวาไม่ได้ และเพียงไม่นานร่างกายซีกขวาทั้งหมดของเขาก็มีอาการเจ็บปวด จนกระทั่งในที่สุด นักขี่ม้าผู้กระตือรือร้นคนนี้ก็ต้องพบว่าตนเจ็บปวดจากการทำกิจกรรมทุกอย่าง
หลังจากตรวจร่างกายในปี 2011 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งระยะแรก ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทประเภทที่แทบจะไม่มีทางรักษาให้หายขาด
“ผมคิดว่าผมเตรียมใจที่จะรอฟังข่าวร้ายไว้แล้วนะ แต่ก็ใช้เวลานานมากเป็นปีจึงจะตรวจพบโรค แล้วพอถึงเวลาที่ผมรู้จริงๆ ผมก็ทำใจไม่ได้” เขากล่าว
มีเพื่อนคนหนึ่งได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอ็มเอสมาให้เขา แต่เขาก็ทำใจอ่านไม่ได้
“แต่ภรรยาผม เธออ่านข้อมูลทั้งหมด แล้วเธอก็เริ่มนึกภาพออกว่า ภายภาคหน้าชีวิตเราจะเป็นยังไง พอผมเห็นว่าเธอหวาดกลัวมาก ก็คิดได้ว่าต้องเข้มแข็งเอาไว้ ผมต้องต่อสู้กับโรคนี้” เขากล่าว
ขณะที่อาการของเขาทรุดลง เขาก็เริ่มมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออยู่ฝ่ายเดียว ตั้งแต่นั้นเขาจึงหันมาทำงานเป็นอาสาสมัครของกลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนผู้ป่วย
เดือนกรกฎาคมที่แล้ว เมื่อเขาพบเจร์วาซี ในงานโดดร่มที่แคว้นลอร์แรน นักโดดร่มที่เคยกระโดดเหนือยอดเขาเอเวอเรสต์ เหนือขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ผู้นี้กำลังวางแผนจะไปเนปาลกับนักฟุตบอลฝรั่งเศสระดับตำนาน อย่างซีเนดีน ซีดาน ทว่าคิวที่แน่นเอี้ยดทำให้นักฟุตบอลชื่อดังไม่สามารถร่วมเดินทางไปด้วยได้ เขาจึงลองถามกอปป์ดูว่า อยากกระโดดร่มเหนือยอดเขาด้วยกันหรือไม่ แล้วกอปป์ก็ตอบตกลงโดยใช้เวลาคิดไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ
“ทำไมผมจะไม่ไปล่ะ ผมจะได้มีโอกาสส่งสาสน์แห่งความหวังให้ทุกคน ไม่ว่าคุณจะป่วย หรือแข็งแรงดีก็ตาม”
ทั้งนี้ กำหนดเวลาที่เขาจะกระโดดร่มนั้นยังไม่แน่ชัด เพราะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่อย่างเร็วที่สุดก็คือวันจันทร์นี้ (28)
เขาบอกว่า โอกาสที่จะได้กระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ซึ่งกำลังบินในระดับความสูง 10,000 กิโลเมตร จากหลังคาโลกนั้นเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานแก่เขา
“ในชีวิตนี้ ผมอยากผจญภัยมาโดยตลอด เหมือนกับ ติน ติน ฮีโรสมัยที่ผมเป็นเด็ก” เขาระบุถึงตัวการ์ตูนเบลเยียมที่เคยปีนเทือกเขาหิมาลัยเพื่อหาสร้างความท้าทายเช่นกัน