เอเอฟพี – สายการบินแห่งชาติญี่ปุ่น เจแปนแอร์ไลน์ส (JAL) ประกาศเซ็นสัญญาสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 จำนวน 31 ลำ รวมมูลค่า 9,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้ (7) ซึ่งถือเป็นการท้าทายผู้ผลิตอากาศยานยักษ์ใหญ่อย่างโบอิ้งที่ครองตลาดการบินในแดนอาทิตย์อุทัยมานาน แต่ก็ต้องเสียรังวัดเพราะปัญหาความปลอดภัยที่พบในเครื่องบินดรีมไลเนอร์
JAL แถลงว่า บริษัทได้ทำข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินระยะไกลรุ่น A350-900 จำนวน 19 ลำ และรุ่น A350-1000 อีก 13 ลำ โดยมี Option สั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มเติมอีก 25 ลำในอนาคต
นับเป็นครั้งแรกที่ JAL เลือกซื้อเครื่องบินจากค่ายอากาศยานยักษ์ใหญ่ของยุโรป โดยคาดว่าฝูงบินชุดใหม่จะเริ่มให้บริการได้ในปี 2019 แทนที่ฝูงบินโบอิ้งที่มีอายุการใช้งานยาวนานแล้ว
แม้คำสั่งซื้อจะถูกประกาศหลังตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการไปแล้ว ทว่านักลงทุนต่างก็ขานรับข่าวดีที่สื่อหลายสำนักนำไปรายงานตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้ราคาหุ้น JAL ปิดตลาดปรับขึ้นถึง 3.01% มาอยู่ที่ 5,810 เยน วันนี้ (7) ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมดิ่งลง 1.22%
ครั้งนี้ถือได้ว่าแอร์บัสคว้า “ส้มหล่น” ไปเต็มๆ เพราะ JAL และสายการบินคู่แข่งอย่าง ออล นิปปอน แอร์เวย์ส (ANA) ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโบอิ้งเช่นกัน ต่างก็เอือมระอากับปัญหาเทคนิคในดรีมไลเนอร์
แม้จะเป็นอากาศยานรุ่นใหม่ที่ผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาและประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า แต่โครงการผลิตดรีมไลเนอร์ก็ประสบปัญหาจนส่งมอบล่าช้าไปถึง 2 ปี และยังถูกสั่งระงับบินทั่วโลกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากดรีมไลเนอร์ของญี่ปุ่น 2 ลำเจอปัญหาแบตเตอรีลิเธียมร้อนจัด จนต้องลงจอดฉุกเฉินห่างกันไม่กี่วัน
JAL และ ANA ตัดสินใจนำฝูงบินเจ้าปัญหากลับมาให้บริการอีก แต่ก็เรียกร้องค่าเสียหายจากโบอิ้งเป็นเงินถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อชดเชยที่บริษัทต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก
มิตซุรุ มิยาซากิ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย SMBC Friend ในกรุงโตเกียว ให้ความเห็นว่า “จากปัญหาที่ผ่านๆ มาของดรีมไลเนอร์ JAL คงไม่ต้องการเสี่ยงอีกแล้ว”
“วงการบินถือเป็นอุตสาหกรรมระดับโลก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ JAL จะต้องเผื่อทางเลือกเอาไว้บ้าง”
แม้จะใช้เวลาตรวจสอบยาวนาน แต่โบอิ้งกลับไม่เคยชี้แจงข้อบกพร่องที่ชัดเจนของแบตเตอรีในเครื่องบินดรีมไลเนอร์ โดยระบุแต่เพียงว่า ได้มีมาตรการแก้ไขไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีกแล้ว
ระหว่างประกาศข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินกับแอร์บัสวันนี้ (7) JAL ยังเอ่ยถึงข้อดีของ A350 ว่าผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาที่ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้มาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติเดียวกับที่โบอิ้งใช้โฆษณาความเหนือชั้นกว่าของดรีมไลเนอร์
