เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจล่าสุดในสหรัฐฯชี้ จำนวนครอบครัวชาวอเมริกันที่ไม่มีรถยนต์ในครอบครองแม้แต่คันเดียว (Zero-Car Families) กำลังเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี หรือกว่าครึ่งศตวรรษที่จำนวนครอบครัวที่ไม่มีรถยนต์ใช้ในอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลล่าสุดของสมาคมการขนส่งและทางหลวงรัฐแห่งอเมริกา (AASHTO) ระบุว่า จำนวนครอบครัวชาวอเมริกันที่ไม่มีรถยนต์แม้แต่คันเดียวในบ้านในปี 2011 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีการเก็บข้อมูลนั้นได้เพิ่มขึ้นราว 9.3 เปอร์เซ็นต์ และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งๆ ที่นับตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา จำนวนครอบครัวชาวอเมริกันที่ไม่มีรถใช้ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติต่ำสุดไว้ที่ 8.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2007
ผลการศึกษาขององค์กร AASHTO ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ครอบครัวที่ไม่มีรถยนต์ในสหรัฐฯเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากปี 2007 เป็นเพราะผลพวงจากวิกฤตด้านเศรษฐกิจและการเงิน ที่ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากตกงานหรือมีรายได้ลดลง
รวมถึงกระแสความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นในหมู่ประชาชน ต่อการเดินทางในรูปแบบใหม่ที่มีความประหยัดมากกว่า เช่น การขี่จักรยาน การเดิน หรือการใช้ขนส่งมวลชน ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความสนใจที่จะซื้อรถเป็นของตัวเองลดลง
ข้อมูลของ AASHTO สอดคล้องกับรายงานที่มีการเผยแพร่เมื่อต้นปีของสำนักงานบริหารทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐฯที่ระบุว่า จำนวนของยานพาหนะที่สัญจรบนทางหลวงทั่วประเทศได้ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2005-2012
ขณะที่ข้อมูลจากบริษัทวิจัยด้านยานยนต์ “โพล์ค” ที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ระบุว่า อายุการใช้งานเฉลี่ยของรถยนต์ในสหรัฐฯในปีนี้อยู่ที่คันละ 11.4 ปี ซึ่งนับเป็นอายุการใช้งานของรถที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์และหมายความว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงตัดสินใจใช้รถคันเดิมต่อไป เพราะไม่ต้องการแบกรับภาระรายเดือนในการผ่อนรถคันใหม่ ในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน