เอพี/เอเจนซีส์ – ผู้ก่อเหตุจลาจลติดอาวุธกลุ่มหนึ่งบุกสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำกรุงตริโปลี ของลิเบียเมื่อวันพุธ (2 ต.ค.) โดยพวกเขาปีนกำแพง ทำลายประตูรั้วเหล็ก และยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ก็มีผู้ก่อเหตุคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต และอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บ ทางการลิเบียรายงาน
กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียแถลงยืนยันว่าเกิดเหตุโจมตีขึ้นจริง และระบุว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตคนใดได้รับบาดเจ็บ
ทางการลิเบียชี้ว่า การบุกรุกสถานทูตครั้งนี้น่าจะเป็นการแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน กรณีที่หญิงชาวรัสเซียคนหนึ่งฆ่านักบินของกองทัพอากาศลิเบีย
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในวันพุธ (2) ได้สร้างความหวั่นวิตกว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อปีที่แล้ว ที่มีการโจมตีสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเบงกาซี เมืองทางภาคตะวันออกของลิเบียอย่างรุนแรง จนทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และชาวอเมริกันอีก 3 คนเสียชีวิต โดยในเวลานั้นซึ่งเป็นวันครบรอบเหตุการณ์ 11 กันยายน 2011 กลุ่มหัวรุนแรงได้ปิดล้อมสถานกงสุล ใช้ปืนครกกราดยิงอาคาร และจุดไฟเผา
เหล่าผู้ก่อเหตุเมื่อวันพุธ (2) ได้ปลดธงชาติรัสเซียลงมาจากระเบียงอาคารหลังหนึ่งของสถานทูต แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ของลิเบียระบุโดยขอไม่เปิดเผยนาม
ขณะที่ มาเรีย ซาฮาโรวา โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียบอกสถานีวิทยุเอโฮมอสกวีว่า จากข้อมูลเบื้องต้นไม่มีบุคลากรของสถานทูตได้รับบาดเจ็บ
เป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการตอบโต้คดีฆาตกรรมนักบินของกองทัพอากาศลิเบียเมื่อวันอังคาร (1) ซึ่งทางการลิเบียจับกุมหญิงชาวรัสเซีย และกล่าวหาเธอว่าเป็นผู้ฆ่าเขา แล้วใช้เลือดของผู้ตายเขียนถ้อยคำก้าวร้าวบนกำแพง นอกจากนี้หญิงคนดังกล่าวยังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้แทง และทำให้แม่ของผู้เสียชีวิตบาดเจ็บอีกด้วย
ทางการลิเบียระบุว่า พวกเขายังไม่ทราบแรงจูงใจของหญิงรัสเซียผู้นี้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า เธอได้เขียนข้อความบนกำแพงเพื่อแสดงความรู้สึกโกรธแค้นการลุกฮือขึ้นต่อต้าน มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำซึ่งดำรงตำแหน่งมายาวนานของลิเบีย จนทำให้เขาต้องหมดอำนาจลง ภายหลังเกิดสงครามกลางเมืองนาน 8 เดือนในปี 2011
ทั้งนี้ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีนักเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบกัดดาฟี ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในลิเบียตกเป็นเป้าสังหาร
เมื่อวันพุธ (2) มือปืนที่เมืองเบงกาซีได้สังหารทหารเรือคนหนึ่งและลูกชายวัย 7 ขวบของเขา ก่อนจะหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ทั้งนี้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า คดีฆาตกรรมส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มนักรบติดอาวุธ ที่บ่อยครั้งกระทำไปเพื่อแก้แค้น