รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และรัสเซียก็ให้ความเห็นชอบต่อร่างมติว่าด้วยการทำลายคลังอาวุธเคมี ซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติภายในวันนี้ (27) ขณะที่แหล่งข่าวชี้ว่า ร่างมติดังกล่าวไม่ได้เสนอให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารลงโทษในกรณีที่ดามัสกัสไม่ปฏิบัติตาม
ซาแมนธา เพาเวอร์ ผู้แทนสหรัฐฯประจำองค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ร่างมตินี้ระบุให้รัสเซีย “มีหน้าที่ตามกฎหมาย” ที่จะต้องผลักดันให้ซีเรียทำลายคลังอาวุธเคมีทั้งหมด โดยคณะมนตรีความมั่นคงได้เปิดประชุมลับแบบเต็มคณะเพื่อพิจารณาร่างมติตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมา (26) และการลงมติน่าจะมีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง
เพาเวอร์กล่าวว่า “เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว... ผลการเจรจาในคืนนี้ดูจะเป็นไปไม่ได้เลย ตอนนั้นซีเรียยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่ามีอาวุธเคมีในครอบครอง”
นักการทูตของสหรัฐฯ, รัสเซีย, ฝรั่งเศส และอังกฤษ เผยต่อสื่อมวลชนว่า การโหวตร่างมติน่าจะเกิดขึ้นภายในเย็นวันนี้ (27) หากสภาบริหารองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมีในกรุงเฮก รับรองแผนทำลายแก๊สพิษและอาวุธเคมีของซีเรียล่วงหน้า
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลสัมฤทธิ์จากการเจรจาต่อรองที่เข้มข้นระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดมาตรการที่จะทำลายอาวุธเคมีของดามัสกัส ตามข้อตกลงที่สหรัฐฯทำร่วมกับรัสเซียเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นักการทูตชี้ว่า มหาอำนาจตะวันตกได้ถอนข้อเรียกร้องหลายประการเพื่อให้รัสเซียยอมร่วมมือด้วย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ แห่งรัสเซีย ยืนยันว่า รัสเซียและชาติตะวันตกสามารถบรรลุ “ความเข้าใจ” กันได้แล้ว ทว่าไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
อุปสรรคใหญ่ที่ทำให้รัสเซียต่อต้านร่างมตินี้มาโดยตลอดก็คือ การอ้างถึงบทบัญญัติที่ 7 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งอนุมัติให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นออกคำสั่งใช้ปฏิบัติการทางทหารหรือมาตรการคว่ำบาตรได้
ร่างมติที่ผ่านการประนีประนอมแล้วจะช่วยให้แผนปลดอาวุธเคมีซีเรียมีผลบังคับตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ไม่ได้กำหนดบทลงโทษโดยอัตโนมัติอย่างที่สหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส เรียกร้องก่อนหน้านี้
การเอ่ยอ้างถึงบทบัญญัติที่ 7 ระบุแต่เพียงว่า หากซีเรียไม่สามารถปฏิบัติตามร่างมติของยูเอ็นได้ คณะมนตรีความมั่นคงฯ มีสิทธิ์ใช้ “บทลงโทษซึ่งยังไม่ระบุ” ตามขอบข่ายของบทบัญญัติที่ 7 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งในกรณีนี้คณะมนตรีความมั่นคงฯ จะต้องประกาศบทลงโทษผ่านร่างมติฉบับที่ 2 และรัสเซียจะสามารถใช้สิทธิ์ “วีโต” ได้