เอเอฟพี - ประธานาธิบดี อีโว โมราเลสแห่งโบลิเวีย เรียกร้องให้สำนักงานใหญ่สหประชาชาติย้ายออกจากนครนิวยอร์ก เพื่อให้พ้นจากการ “แบล็กเมล์” และใช้อิทธิพลข่มขู่ของสหรัฐฯ
โมราเลส ซึ่งเป็นนักสังคมนิยม ตำหนิสิ่งที่สหรัฐกระทำกับ ประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา และกล่าวหาสหรัฐฯเป็นพวก “คลั่งจักรวรรดินิยม” ระหว่างการปาฐกถาที่ดุเดือดยาว 40 นาที ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งประชาชาติ
“เราต้องหันมาพิจารณาย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ UN อย่างจริงจัง” โมราเลส ซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้นำฝ่ายซ้ายแห่งละตินอเมริกา หลังการตายของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเบซ
“สำนักงานใหญ่สหประชาชาติควรตั้งอยู่ในประเทศที่ร่วมลงนามในสนธิสัญญาของยูเอ็นทั้งหมด”
“เราจะรู้สึกปลอดภัยในการประชุมสหประชาชติที่นิวยอร์กได้อย่างไร? ผมว่าไม่เลย”
“บางคนที่ไม่ศรัทธากับลัทธิจักรวรรดินิยมและระบบทุนนิยม จะไม่รู้สึกปลอดภัยเลย” โมราเลสกล่าว โดยอ้างถึงความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กับ มาดูโร ซึ่งประกาศจะไม่เดินทางมาร่วมประชุม UN ที่นิวยอร์ก
โมราเลสยังแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจมาดูโร ที่ถูกปฏิเสธห้ามบินเข้าน่านฟ้าสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางไปจีน อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของเขายังถูกปฏิเสธวีซ่าสำหรับเดินทางมาร่วมประชุม UN ด้วย
มาดูโรมีกำหนดการปาฐกถาที่สำนักงานใหญ่ UN วานนี้ (25) แต่ต้องยกเลิกแผนดังกล่าวไป
รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า เอกสารขอให้น่านฟ้าไม่ได้ถูกกรอกข้อมูลอย่างเหมาะสม และยืนยันว่าไม่ได้ปฏิเสธวีซ่าของของเจ้าหน้าที่เวเนซุเอลา
“ไม่รับรองวีซ่า ไม่อนุญาตบินข้ามประเทศ เรารู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ถูกข่มเหงและถูกหักหลังเรื่องวีซ่า และสหรัฐฯเองไม่เคยเห็นชอบต่อสนธิสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนเลย” โมราเลสกล่าว
อย่างไรก็ดี โมราเลสชี้ว่าโบลิเวียหรือละตินอเมริกาก็คงไม่เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่สหประชาชาติได้
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติก่อตั้งขึ้นที่นครนิวยอร์กตั้งแต่ปี 1945 และย้ายไปยังอาคารขนาด 18 เอเคอร์ที่ใกล้แม่น้ำอีสต์ริเวอร์ในปี 1952