เอเจนซีส์ - ประชาชนในฟินแลนด์ประเทศต้นกำเนิดของโทรศัพท์มือถือ “โนเกีย” ขณะนี้กำลังมองซีอีโอของบริษัทโนเกียเป็นเสมือน “ผู้ทรยศของชาติ” ที่ทำให้ฟินแลนด์ต้องสูญเสียแบรนด์โนเกียไปให้กับไมโครซอฟท์ สหรัฐฯ พร้อมทั้งรับเงินก้อนสุดท้ายมากถึง 25 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ประธานบริษัทโนเกียได้ออกมายอมรับที่ก่อนหน้านั้นให้ข้อมูลทำให้คนเข้าใจผิดถึงจำนวนค่าตอบแทนของอีโลป และต่อมาถูกเปิดโปงด้วยหนังสือพิมพ์ Helsingin Sanomat ในภายหลัง และล่าสุด สตีเฟน อีโลป ซีอีโอประกาศไม่สามารถยอมรับเงินตอบแทนน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้จากโนเกียด้วยเหตุกำลังจะแยกทางกับภรรยา
หนังสือพิมพ์ Helsingin Sanomat หนึ่งในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในฟินแลนด์ได้รายงานถึง เงื่อนงำของสัญญาค่าตอบแทนของซีอีโอโนเกีย สตีเฟน อีโลป สัญชาติแคนาดาอดีตลูกหม้อไมโครซอฟท์ ที่จะได้รับครั้งสุดท้ายก่อนที่เข้าจะย้ายกลับไปทำงานกับไมโครซอฟท์อีกครั้งหลังจากดีลการซื้อขายบริษัทสิ้นสุดลง จากการที่ก่อนหน้านั้นประธานบริษัทโนเกีย ริสโต ซีลัสมาได้ออกมาให้ข้อมูลว่าจำนวนค่าตอบแทนของอีโลปนั้นไม่ต่างไปจากที่ซีอีโอเก่าของโนเกียเคยได้รับ
โดยซีลัสมาได้ออกมายอมรับในข้อผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ ที่ทำให้เข้าใจผิดถึงค่าตอบแทนของอีโลปที่จะได้รับเป็นก้อนสุดท้าย ซึ่งจากตัวเลขที่แท้จริงที่ซีอีโอผู้นี้ได้รับจากโนเกียเป็นครั้งสุดท้ายที่ทางโนเกียเรียกว่า “เงินตอบแทนในการบริหารงานระยะสั้น” ด้วยจำนวนเงินเดือนของเขาเป็นเวลา 18 เดือน ในตัวเลขรวมราว 5.7 ล้านดอลลาร์ และได้โบนัสตอบแทนอีกราว 19.7 ล้านดอลลาร์ โดยรวมสุทธิอีโลปจะได้รับจากโนเกียถึง25ล้านดอลลาร์ ซึ่งสร้างความโกรธให้กับคนฟินแลนด์ทั้งประเทศ โดยพวกเขาถือว่าอีโลปเป็นคนทรยศที่ทำให้แบรนด์โนเกียที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศต้องตกอยู่ในมือไมโครซอฟท์ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดซีอีโอของบริษัทถึงได้รับค่าตอบแทนก้อนสุดท้ายเป็นจำนวนมากถึงขั้นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของฟินแลนด์ แยน วาปาวูโอริ เอ่ยว่า “ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดโนเกียถึงจ่ายเงินก้อนสุดท้ายให้ด้วยตัวเลขสูงขนาดนี้”
ล่าสุดเป็นเพราะสถานการณ์ถึงข่าวฉาวในฟินแลนด์ ทำให้บริษัทโนเกียต้องการให้อีโลปรับเงินก้อนสุดท้ายที่มีจำนวนน้อยกว่า 25 ล้านดอลลาร์ และจากการรายงานของHelsingin Sanomat พบว่า อีโลปปฎิเสธที่จะรับเงินน้อยกว่าจำนวนที่ตกลงกันไว้ด้วยเหตุผลว่า “ภรรยาของเขาที่กำลังจะหย่าขาดกันคงจะไม่ยอมรับจำนวนเงินที่น้อยกว่า 25ล้านดอลลาร์จากโนเกีย”
โดยก่อนหน้านี้ในวันที่ 3 สิงหาคมทั้งโนเกียและไมโครซอฟท์ได้เซ็นสัญญาตกลงซื้อแผนกโทรศัพท์มือถือจากโนเกียด้วยมูลค่า7.2 พันล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งผู้บริหารระดับบนของโนเกียจะย้ายไปทำงานกับไมโครซอฟท์พร้อมกับพนักงานโนเกียกว่า 32,000 คน และในวันที่ 19 สิงหคมนี้ผู้ถือหุ้นโนเกียจะประชุมเพื่ออนุมัติดีลการซื้อขายนี้
และในขณะที่โนเกียได้ถูกไมโครซอฟท์ซื้อไปแล้วนั้น อดีตทีมงานโนเกียผู้พัฒนาโทรศัพท์มือถือโนเกียรุ่นN9 ซึ่งใช้ระบบปฎิบัติการมีโก้(Meego version Harmattan)ในโปรเจกมีโก้ และหลังจากโนเกียได้ยุติโปรเจกนี้ ทางทีมงานได้ถอนตัวออกมาจากบริษัทและได้ตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “Jollah” หรือโยลาห์ ซึ่งจะเปิดตัวโทรศัพท์ใหม่ล่าสุดภายในปลายปีนี้ โดยทางโยลาห์ได้ออกแบบระบบปฎิบัติการ “Sailfish” ที่ถูกพัฒนามาจากแพลตฟอร์มมีโก้ ที่ออกแบบให้ผู้ใช้โทรศัพท์สามารถใช้แอปของแอนดรอยด์บนระบบปฎิบัติการ“Sailfish”ได้ นอกจากนี้จุดเด่นของ “Sailfish” คือ ผู้ใช้มือถือมีอิสระที่สามารถสร้างแอปได้ด้วยตัวเองเพราะ“Sailfish”นั้นวิ่งอยู่บนปฎิบัติการลินุกซ์ซึ่งเป็นระบบเปิด