เอพี/เอเจนซีส์ - พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 อดีตผู้นำแห่งคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกหลังลาออกจากตำแหน่งถึงข่าวฉาวเรื่องการล่วงละเมิดเด็กว่า “ไม่เคยใช้อำนาจ” ในการปกปิดข่าวฉาวการล่วงละเมิดทางเพศของพระที่ทำผิด โดยพระองค์ใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองผ่านจดหมายถึงศาสตราจารย์ชื่อดังในอิตาลีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าคนหนึ่ง และเขาเป็นผู้มีผลงานการทำวิจัยและรวบรวมข้อมูลข่าวฉาวเกี่ยวกับวาติกัน ซึ่งในเนื้อความจดหมายของอดีตโป๊ปที่นอกจากปฎิเสธการพยามปกปิดข่าวฉาวแล้ว พระองค์ยังถกเถียงกับศาสตราจารย์ท่านนี้ในประเด็นตั้งแต่การวิวัฒนาการจนถึงตัวตนของพระเยซูในแง่ประวัติศาสตร์
ข้อความบางส่วนของจดหมายที่อดีตผู้นำแห่งคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกส่งถึงศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแห่งอิตาลี “ปิแอร์จิออจิโอ โอดิเฟรดดิ” ได้ถูกลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ La Repubblica ในวันอังคาร(24) และเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันที่ใน 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้นได้ตีพิมพ์จดหมายของโป๊ปฟรานซิส
โดยจดหมายจากผู้นำแห่งคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกทั้ง 2 พระองค์นี้ ได้พยามสื่อไปถึงบรรดากลุ่มคนที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้า จากจดหมายทั้ง 2 ฉบับนั้นแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้โป๊ปทั้งสองพระองค์จะมีความต่างในแง่ทั้งบุคลิก ลักษณะนิสัย การแสดงออก และสิ่งที่แต่ละพระองค์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในฐานะผู้นำชาวคริสต์ แต่ทว่าจากเนื้อความและการเขียนจดหมายของทั้ง 2 พระองค์แสดงให้เห็นว่า ทั้งอดีตโป๊ปเบเนดิกต์และโป๊ปฟรานซิสมีความคิดหลายอย่างที่เหมือนกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่อดีตผู้นำศาสนจักรได้ปฎิเสธอย่างเป็นทางการถึงข่าวฉาว โดยพระองค์ได้เขียนจดหมายถึงโอดิเฟรดดิ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของผลงาน “Dear Pope, I'm Writing to You” ในปี 2011 ที่เขาได้เขียนขึ้นเพื่อแถลงตอบโต้ผลงานของอดีตพระสันตะปาปา “Introduction to Christianity” และอาจจะถือได้ว่าหนังสือเล่มนี้ของโอดิเฟรดดิเป็นผลงานการเขียนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเขา โดยเนื้อความได้เอ่ยถึงข่าวฉาวของพระวาติกันในคดีล่วงละเมิดเด็ก ซึ่งอดีตพระคาร์ดินาลโจเซฟ ราตซิงเกอร์ หัวหน้าสำนักวาติกันที่อนุญาตให้พระในเยอรมันที่มีคดีละเมิดทางเพศไปบำบัดและกลับเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับเด็ก และต่อมายังประพฤติผิดซ้ำ และอดีตพระสันตะปาปาถูกกล่าวหาว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบเพราะพระองค์ไม่แสดงการรับรุ้ใดๆต่อข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าพระองค์จะรับหนังสือลาออกของพระในไอร์แลนด์แล้วก็ตาม โดยคดีล่วงละเมิดเด็กนี้ถูกเปิดโปงในปี 2510 พร้อมกับผู้คนหลายพันจากทั่วโลกพร้อมใจกันเปิดเผยถึงพฤติกรรมของพระในคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่ล่อลวงเด็กในขณะที่สำนักวาติกันกลับพยายามไม่รับรู้ใดๆ
และจากเนื้อความในจดหมายของพระองค์ที่กล่าวปกป้องตนเองนั้น อดีตโป๊ปเบเนดิกต์ได้ปฎิเสธความรับผิดชอบโดยการกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยพยายามที่จะปกปิดสิ่งใด” และ “ด้วยอำนาจของความชั่วร้ายที่ได้ทิ่มแทงเข้ามาภายในโลกแห่งศาสนจักร มันเป็นสิ่งที่พวกเราต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ แต่ในขณะเดียวกันพวกเราต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะป้องกันมิให้ประวัติศสาตร์เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง” และ “จากงานวิจัยทางสังคมวิทยาพบว่า จำนวนเฉลี่ยของพระที่ทำผิดในคดีลักษณะเช่นนี้นั้นไม่มีจำนวนที่มากไปกว่าพระหรือผู้สอนศาสนาในนิกายอื่นหรือศาสนาอื่น” นอกจากนี้พระองค์ยังได้ตอบโต้ในประเด็นที่ว่าเทววิทยา (Theology) ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งหรือไม่ และอะไรที่จะบอกได้ถึงพระเยซูในฐานะที่เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์” อ้างจากจดหมายของอดีตโป๊ปที่ลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในอิตาลี
ในขณะที่ทางวาติกันได้เฝ้ายืนยันมานานแล้วว่าอดีตผู้นำศาสนจักรพระองค์นี้ทำหน้าที่มากกว่าใครในการเผชิญหน้ากับปัญหาของพระละเมิดทางเพศ และนี่ถือเป็นปฎิกริยาครั้งแรกที่อดีตโป๊ปเบเนดิกต์ออกมาปฎิเสธอย่างเป็นทางการหลังจากการเข้ารับตำแหน่งของโป๊ปฟรานซิส ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์เก็บตัวเงียบมาตลอด
ในขณะที่โอดิเฟรดดิเผยว่า เขารู้สึกแปลกใจที่ได้รับจดหมายจากพระองค์และพอใจในข้อถกเถียงเชิงวิชาการระหว่างเขาและอดีตองค์สมเด็จพระสันตะปาปา ซึ่งเขาแอบคาดหวังมาตลอดว่าพระองค์จะอ่านงานเขียนของเขา และนอกจากนี้โอดิเฟรดดิมีแผนที่จะตีพิมพ์หนังสือ “Dear Pope, I'm Writing to You” อีกครั้งพร้อมกับจดหมายตอบจากอดีตพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งเขาได้ขออนุญาตจากพระองค์ในการขอลงตีพิมพ์เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านโฆษกวาติกันเผยว่า นี่เป็นเหตุบังเอิญที่ผู้นำคริสตจักรทั้งสองได้เขียนจดหมายถึงชาวอิตาลีที่ชื่อเสียงทั้ง2 คนที่มีแนวคิดต่อต้านศาสนจักรด้วยหัวข้อที่คล้ายกัน โดยในจดหมายของโป๊ปฟรานซิสนั้นมีลักษณะการเขียนและรูปแบบภาษาที่คล้ายจดหมายของอดีตโป๊ปเบเนดิกต์ แต่โฆษกของวาติกันได้ปฎิเสธว่าทั้งสองพระองค์ไม่ได้ร่วมกันเขียนจดหมายทั้ง 2 ฉบับขึ้น “แต่ละพระองค์เป็นตัวของตัวเองและมีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตนเอง”