เอพี - พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะระบุว่า ได้พบภาพวาดของแวนโก๊ะที่หายไปกว่า 100 ปี ซึ่งชาวนอร์เวย์คนหนึ่งเก็บไว้ในห้องใต้หลังคามานาน เพราะคิดว่าไม่ใช่ผลงานของแวนโก๊ะ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการค้นพบภาพวาดขนาดเต็มผืนผ้าใบของจิตรกรเอกชาวดัตช์ผู้นี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1928
“ตะวันตกดิน ณ มงต์มาชูร์” (Sunset at Montmajour) ถ่ายทอดภาพของต้นไม้ สุมทุมพุ่มไม้ และท้องฟ้า ด้วยฝีแปรงพู่กันหนาตามแบบฉบับของแวนโก๊ะ ทั้งนี้สามารถระบุวันเวลาที่เขียนภาพได้แน่ชัด เพราะในจดหมายที่เขาส่งถึง ธีโอ น้องชายของเขา วินเซนต์ได้พูดถึงภาพนี้ อีกทั้งระบุว่าเขาเขียนภาพนี้เมื่อวันก่อน ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคม 1888
บรรดาผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์ยืนยันว่าภาพวาดนี้เป็นของแท้ โดยตรวจสอบจากจดหมาย สไตล์ และวัสดุทางกายภาพที่ใช้ นอกจากนี้พวกเขายังได้ตามรอยประวัติของรูปเพื่อเป็นการยืนยันอีกทางหนึ่งด้วย
อักเซล รือเจอร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กล่าวถึงการค้นพบครั้งนี้ว่าเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต” ในพิธีเผยโฉมภาพวาดนี้
พิพิธภัณฑ์ระบุว่า ขณะนี้ภาพวาดเป็นของนักสะสมคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยนาม และจะจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าพบภาพวาดนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ชี้แจงว่าเป็นของชายนอร์เวย์คนหนึ่ง ซึ่งมีคนบอกเขาว่าแวนโก๊ะไม่ได้เขียนภาพนี้ เขาจึงตัดสินใจนำมันไปเก็บในห้องใต้หลังคา
รือเจอร์กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษ 1990 พิพิธภัณฑ์เองเป็นผู้ปฏิเสธว่าภาพวาดนี้ไม่ใช่ของแท้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีลายเซ็น แต่ด้วยเทคนิคการวิจัยแบบใหม่ และการตรวจสอบนาน 2 ปีได้พิสูจน์แน่ชัดแล้วว่าเป็นของจริง
เตียว มีเดนดอร์ป นักวิจัยกล่าวว่า เขาและนักวิจัยคนอื่นๆ “พบคำตอบของปัญหาสำคัญทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากสำหรับภาพวาดชิ้นหนึ่งที่หายไปนานกว่า 100 ปี”
ทั้งนี้แวนโก๊ะเคยกล่าวถึงผลงานชิ้นนี้ในจดหมายสองฉบับซึ่งเขียนขึ้นในช่วงฤดูร้อนเดียวกันกับที่เขาวาดภาพนี้ แต่เขาได้ระบุว่าเมื่อเขาลองพิจารณาในหลายๆ แง่แล้ว ภาพนี้ก็ถือเป็นเพียงความล้มเหลวครั้งหนึ่งเท่านั้น
สถานที่ซึ่งปรากฏในภาพวาดนี้ คือ พื้นที่ใกล้เมืองอาร์ลส์ ในฝรั่งเศส ที่ซึ่งแวนโก๊ะเคยอยู่อาศัยในเวลานั้น โดยเมืองนี้อยู่ใกล้กับเนินเขามงต์มาชูร์ และโบสถ์ชื่อเดียวกันที่พังทลายแล้ว ซึ่งเราสามารถเห็นซากปรักหักพังในฉากหลังด้านซ้ายของภาพ
มีเดนดอร์ป นักวิจัยผู้นี้กล่าวว่า ภาพวาดชิ้นนี้จัดอยู่ในกลุ่มพิเศษของภาพที่แวนโก๊ะทดลองวาด ในช่วงเวลาที่เขาเคารพเชื่อถือคุณค่าของตัวเองน้อยกว่า ที่พวกเรายกย่องเขาในปัจจุบัน