เอเจนซีส์ - วิกฤติการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีนั้นเลวร้ายลงไปอีกในวันเสาร์(31)ที่ผ่านมา เมื่อเทปโก้ออกมายอมรับอีกครั้งว่า ได้ตรวจพบค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงใกล้กับถังกักเก็บน้ำปนเปื้อน ซึ่งเป็นการชี้ว่าอาจมีการรั่วครั้งใหม่เกิดขึ้น
บริษัทโตเกียวอิเล็กทริคพาวเวอร์ หรือเทปโก้ ได้เปิดเผยถึงการค้นพบครั้งล่าสุดที่สามารถตรวจพบค่าค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงใน4จุดบนพื้นที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ซึ่งอยู่ในบริเวณแหล่งเก็บน้ำปนเปื้อนหลายร้อยใบตั้งอยู่บริเวณนั้น โดยค่าสูงสุดที่อ่านได้อยู่ที่ 1,800 ไมโครซีเวิร์ต ต่อ ชั่วโมง หรือสูงมากจนกระทั่งทำให้ถึงตายได้ภายใน 4 ชั่วโมง เทปโก้เผย
การพบค่าการปล่อยรังสีในระดับสูงในวันเสาร์(31)นั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการรั่วครั้งใหม่เกิดขึ้นกับถังกักเก็บน้ำปนเปื้อน ซึ่งปรากฎว่าถังที่กักเก็บนั้นถูกประกอบในเวลาที่จำกัดและใช้ยางยารอยต่อเพราะในช่วงนั้นเทปโก้เร่งรีบหาที่เก็บน้ำปนเปื้อน แต่อย่างไรก็ตามเทปโก้กล่าว่า ทางบริษัทไม่พบหลักฐานการลดระดับน้ำในถังกักเก็บ จึงทำให้ยังเป็นที่กังขาว่า ถ้าเกิดมีรอยรั่วขึ้นอีกครั้งจริงจะมีน้ำปนเปื้อนไหลออกมาจำนวนมากเท่าไร และน้ำปนเปื้อนเหล่านั้นได้ไหลซึมลงไปมหาสมุทรแปซิฟิกที่ห่างจากตัวโรงงานไปราว 457.2 เมตร แล้วหรือยัง
ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้สัญญากับชาวญี่ปุ่นว่าจะควบคุมการแก้วิกฤติการณ์รั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่เข้าขั้นอันตรายระดับ 3 นั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ต่างให้ความเห็นว่า มันอาจต้องใช้ระยะเวลา40 ปี จนถึง 1 ศตวรรษที่จะสามารถกำจัดผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ได้ทั้งหมด
ด้านดร.โรเบิร์ต จาคอบส์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันฮิโรชิมาเพื่อสันติภาพได้เผยกับทีวีรัสเซีย ช่องอาร์ที ว่าในญี่ปุ่น คนทั่วไปต่างคิดว่าสถานการณ์โรงไฟฟ้าฟูกุชิมานั้น “เกินการควบคุม” ไปแล้ว นอกจากนี้เขายังเตือนว่า หากญี่ปุ่นเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่อีก เช่น แผ่นดินไหว วิกฤติโรงไฟฟ้าฟูกุชิมานั้นจะเลวร้ายลงอย่างคาดไม่ถึง
“ถังกักเก็บพวกนี้ถูกสร้างมาอย่างเร่งรีบ ถ้าหากมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น คุณคิดดูว่าคุณมีน้ำปนเปื้อนจำนวนมหาศาลบรรจุอยู่ในถังกักเก็บที่บอบบางเช่นนี้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น” จาคอบส์ เผยกับช่องอาร์ที