เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียทำสถิติต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีในช่วงไตรมาสสองของปีนี้
ทางการอินเดียออกคำแถลงที่กรุงนิวเดลี โดยระบุว่า อัตราการเติบโของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศในช่วงเดือนเมษายน ถึง มิถุนายนที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 4.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ย่ำแย่ที่สุดของอินเดียในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 เป็นต้นมา
สาเหตุสำคัญที่ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจแดนโรตีอยู่ในภาวะเลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ปีเกิดจากปัจจัยสำคัญ คือ การที่ตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคลที่มีสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีของอินเดียนั้น ปรับตัวลดลงราว 1.6 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากบรรดาผู้บริโภคอินเดียมีความระมัดระวังมากขึ้นในด้านการใช้จ่าย
ขณะเดียวกัน ค่าเงินรูปีของอินเดียยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะอ่อนค่าลงไปแล้วมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จากความกังวลของบรรดานักลงทุนต่อกระแสข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดสัดส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจลง
นอกจากนั้น ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง อย่างตัวเลขยอดขายรถยนต์ของอินเดียในช่วงไตรมาสสองก็ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีมันโมฮัน ซิงห์ แห่งอินเดียแสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจของประเทศน่าจะเริ่มพุ่งทะยานขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ จากผลพวงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่พุ่งเป้าไปที่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ