รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซีย โดยเตือนให้สหรัฐฯเตรียมใจรับ “ความพ่ายแพ้” หากคิดส่งทหารโจมตีซีเรีย พร้อมยืนยันว่ากองทัพของเขาไม่เคยใช้อาวุธเคมีสังหารพลเมืองตามที่ถูกกล่าวหา
หนังสือพิมพ์ Izvestia ซึ่งเอียงข้างรัฐบาลมอสโก นำบทสัมภาษณ์ผู้นำซีเรียมาตีพิมพ์ลงฉบับวันนี้ (26) โดยอ้างคำพูดของ อัสซาด ว่า “ความพ่ายแพ้รอคอยสหรัฐฯอยู่ เช่นเดียวกับสงครามทุกครั้งที่พวกเขาก่อขึ้น ตั้งแต่สงครามเวียดนามเรื่อยมา”
อัสซาด ชี้ว่า กองกำลังของรัฐบาลซีเรียเพียงแต่อยู่ใกล้ๆ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงดามัสกัส ซึ่งกบฏอ้างว่ามีการนำแก๊สพิษทำลายระบบประสาทออกมาใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในวันนั้นก็ไม่ได้มีเส้นแบ่งแนวรบที่ชัดเจน
“มีรัฐบาลชาติไหนบ้างที่จะกล้าเอาอาวุธเคมี หรืออาวุธทำลายล้างสูงอื่นๆ ออกมาใช้ในสถานที่ซึ่งมีทหารฝ่ายตัวเองอยู่มากมายเช่นนั้น มันฟังดูไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว” อัสซาด ให้สัมภาษณ์ที่กรุงดามัสกัส
“ดังนั้นข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องการเมือง และเหตุผลก็เพราะว่าทหารของฝ่ายเรามีชัยชนะเหนือผู้ก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง”
อัสซาด กล่าวว่า ข่าวการใช้อาวุธเคมีเป็นข้อกล่าวหาที่ “ไร้สาระ” และ “ไม่มีมูล” ซึ่งสหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส พยายามหาข้ออ้างที่จะส่งทหารเข้าโจมตีซีเรียนานแล้ว
นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองซีเรียปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 มอสโกยังคงความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นที่สุดของ อัสซาด โดยส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือ และยังใช้อิทธิพลในเวทีสหประชาชาติป้องกันมิให้ซีเรียถูกคว่ำบาตรหนักไปกว่านี้
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (25) เพื่อชี้แจงว่า มอสโกรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งหากสหรัฐฯคิดจะใช้มาตรการทางทหารกับซีเรีย
ด้านวอชิงตันเองก็เผชิญแรงกดดันจากนานาชาติให้เร่งตอบโต้การใช้ก๊าซพิษสังหารหมู่ชาวซีเรีย เมื่อวันพุธที่แล้ว (21) เนื่องจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยกล่าวเอาไว้ว่า การใช้อาวุธเคมีทุกรูปแบบในซีเรียจะถือเป็นการ “ข้ามเส้น” ที่ต้องได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
ผู้ตรวจสอบของยูเอ็นเดินทางลงพื้นที่ซึ่งฝ่ายกบฏซีเรียอ้างว่ามีการใช้อาวุธเคมีแล้วในวันนี้ (26) ขณะที่ชาติตะวันตกเรียกร้องให้มีบทลงโทษต่อฝ่ายที่ก่อเหตุสังหารหมู่ประชาชนด้วยแก๊สพิษครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี
อัสซาด ชี้ว่า ความช่วยเหลือด้านการทหารจากรัสเซียช่วยให้ดามัสกัสยังสามารถต้านทานแรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติได้ โดยมีการทำสัญญากับบริษัทของรัสเซียซึ่งจะจัดส่ง “สินค้าพื้นฐาน” ที่จำเป็นต่อความอยู่รอดให้กับซีเรีย
อย่างไรก็ดี ผู้นำซีเรียไม่ได้เอ่ยถึงการสั่งซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่น S-300 จากรัสเซีย ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการป้องกันประเทศให้กับซีเรียได้อย่างมาก