เอพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ แห่งซิมบับเว ออกโรงขู่ในวันอาทิตย์ (25) จะขับบริษัทที่เป็นกิจการของชาติตะวันตกออกนอกประเทศ เพื่อตอบโต้การที่ชาติตะวันตกยังไม่หยุดการแทรกแซงทางการเมืองต่อซิมบับเว ประเทศซึ่งเขาก้าวขึ้นมาปกครองตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1980
มูกาเบ วัย 89 ปี ซึ่งเป็นผู้นำที่มีอายุมากที่สุดของทวีปแอฟริกากล่าวสุนทรพจน์ต่อบรรดาผู้สนับสนุนทางการเมืองระหว่างเข้าร่วมพิธีศพของนายทหารระดับสูงนายหนึ่งในกรุงฮาราเรในวันอาทิตย์ (25) โดยระบุ ตัวเขาสามารถปกครองประเทศซิมบับเวได้โดยไม่ต้องการความคิดเห็นใดๆจากรัฐบาลลอนดอนหรือวอชิงตัน พร้อมเตือนว่าธุรกิจของประเทศเหล่านี้ที่เข้ามาลงทุนในซิมบับเว อาจต้องเผชิญกับมาตรการตอบโต้ หากรัฐบาลตะวันตกยังไม่หยุดแทรกแซงต่อซิมบับเว
“พวกเขาไม่ควรเข้ามาวุ่นวายกับประเทศของเราต่อไปแล้ว ทั้งพวกอังกฤษและพวกอเมริกัน เราอยากให้พวกเขาตระหนักว่า ที่ผ่านมา เราไม่เคยเข้าไปแทรกแซงใดๆต่อบริษัทของพวกเขาที่เข้ามาลงทุนในประเทศของเราเลย แต่ความอดทนของเรามีขีดจำกัด และเมื่อถึงจุดนั้นบริษัทตะวันตกเหล่านี้คงต้องเผชิญมาตรการตอบโต้จากเรา รวมถึงการขับออกจากประเทศนี้” มูกาเบซึ่งเพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 5 ปีเมื่อวันพฤหัสบดี (22) กล่าว
ท่าทีล่าสุดของมูกาเบมีขึ้นหลังจากที่ทางสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ว่าจะทบทวนความสัมพันธ์กับซิมบับเว รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรต่างๆหากจำเป็น
ขณะที่รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ออกโรงโจมตีว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของมูกาเบในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นไม่น่าเชื่อถือและไร้ความสง่างาม ส่วนรัฐบาลอเมริกันก็ประณามผลการเลือกตั้งในซิมบับเวว่าเต็มไปด้วย “ความฉ้อฉล”
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งทั่วไปของซิมบับเวเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมาปรากฏว่า มูกาเบได้รับชัยชนะในส่วนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีแบบถล่มทลายเหนือนายมอร์แกน สวานกิไร คู่แข่งสำคัญ ขณะที่พรรค “ZANU-PF” ของมูกาเบ สามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภาได้ถึง 2 ใน 3 อย่างน่ากังขา เป็นเหตุให้โลกตะวันตกไม่รับรองผลการเลือกตั้ง สวนทางกับ 15 ชาติทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาที่ยืนยันสนับสนุนการเลือกตั้งในซิมบับเวว่าเป็นไปอย่างเสรีและสันติ