เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและวอลล์สตรีทวานนี้(22) ขยับขึ้น จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและยูโรโซน แต่ปัจจัยนี้ก็ผลักให้ทองคำปิดบวกได้ในกรอบแคบๆเท่านั้น หลังยังมีความกังวลว่าเฟดอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 109.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อุปสงค์ทางพลังงานได้แรงหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจในยุโรป หลังบริษัทมาร์กิต เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) โดยรวมของยูโรโซนในเดือนสิงหาคม ซึ่งพบว่ากิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่แข็งแกร่งสุดในรอบ 26 เดือน
นอกจากนี้แล้วราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยเสริมจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ของภาคการผลิตจีน ที่เพิ่มขึ้นจาก 47.7 จุด อันเป็นระดับต่ำสุดรอบ 11 เดือนในเดือนกรกฎาคม สู่ 50.1 จุดในเดือนสิงหาคม คลายข้อวิตกของนักลงทุนก่อนหน้านี้ที่กังวลว่าเศรษฐกิจแดนมังกรอาจหยุดชะงัก
ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(22) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องระงับการซื้อขายแนสแดกชั่วคราวเป็นเวลาราว 3 ชั่วโมง จากปัญหาขัดข้องทางเทคนิคเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์
ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 66.12 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,963.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.15 จุด (0.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,656.95 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 38.92 จุด (1.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,631.78 จุด
อย่างไรก็ตามข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนและจีน ไม่สามารถผลักให้ราคาทองคำทะยานไปข้างหน้าได้ โดยวานนี้(22) ปิดบวกแค่เล็กน้อยเท่านั้น หลังรายงานการประชุม(minutes) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่สามารถกลับความกังวลของนักลงทุนว่าเฟดจะลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนหน้า โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 1,370.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์