เอพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สื่อต่างประเทศรายงาน ศาลอาญากรุงเทพใต้ของไทยมีคำตัดสินในวันพฤหัสบดี (22) ให้ชายชาวอิหร่าน ซาอิด โมราดี วัย 29 ปี รับโทษจำคุกตลอดชีวิตจากความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย ครอบครองวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย และความผิดฐานทำให้เกิดการระเบิดซึ่งทำให้มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ โมฮัมหมัด คาร์ไซ วัย 43 ปี เพื่อนร่วมชาติของโมราดีถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกนาน 15 ปี จากความผิดฐานครอบครองวัตถุระเบิด และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งคู่จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
ชายชาวอิหร่านทั้งสองคนถูกควบคุมตัวเมือเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ไม่นานหลังจากที่วัตถุระเบิดแบบ “โฮม เมด” ที่พวกเขามีไว้ในครอบครองเกิดระเบิดขึ้น จนที่พักของพวกเขาในย่านสุขุมวิทได้รับความเสียหาย โดยทั้งคู่ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ของไทยว่า พวกเขาไม่ทราบจริงๆ ว่าวัตถุระเบิดเหล่านั้นเป็นของผู้ใด สวนทางกับข้อมูลข่าวกรองของทางการอิสราเอลและไทย ที่ระบุว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนสังหารนักการทูตอิสราเอลในกรุงเทพฯ
ขณะที่รัฐบาลอิหร่านยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดต่อเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นกลางเมืองหลวงของไทย รวมถึงแผนการในลักษณะเดียวกันที่เกิดขึ้นในอินเดีย และอดีตดินแดนในสหภาพโซเวียตอย่างสาธารณรัฐจอร์เจีย
ขณะเดียวกัน ศาลยังมีคำสั่งให้ชายชาวอิหร่านทั้ง 2 คน จ่ายเงินค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาทแก่เจ้าของบ้านเช่าที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่โมราดีก็ถูกตัดสินให้ต้องชดใช้ความเสียหายแก่หน่วยงานที่ให้บริการโทรศัพท์ของไทยอีกด้วย เนื่องจากมีตู้โทรศัพท์สาธารณะตู้หนึ่งได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด
ทั้งนี้ โมราดีซึ่งมีอาชีพเป็นช่างเทคนิคในโรงงานแห่งหนึ่ง และเคยเป็นอดีตทหารในกองทัพอิหร่าน รวมถึง คาร์ไซ เป็นหนึ่งในกลุ่มชาวอิหร่าน 5 คน ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการระเบิดดังกล่าวที่ทำให้ตำรวจไทย 1 นาย และพลเรือนอีก 5 คน ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงคนขับแท็กซี่รายหนึ่งที่ขับรถเหยียบระเบิดที่นายโมราดีทำตกบนถนน ขณะที่โมราดีสูญเสียขาทั้ง 2 ข้างจากแรงระเบิด
ด้าน ซิมอน โรเดด เอกอัครราชทูตอิสรเอลประจำประเทศไทย ตอกย้ำว่าชายชาวอิหร่านทั้งสองรายเป็น “ผู้ก่อการร้าย” และคำตัดสินของศาลไทยได้ชี้ให้เห็นอีกครั้งว่า อิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการแพร่กระจายความหวาดกลัวไปทั่วโลก