เอพี - ศาลสหรัฐฯ อนุมัติแผนขอพ้นจากความคุ้มครองการล้มละลายเมื่อวันอังคาร (20) เปิดทางให้บริษัทที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าแห่งธุรกิจการบันทึกภาพและกล้องถ่ายรูป ปรับเปลี่ยนสู่บริษัทดิจิทัลที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก
คำตัดสินของผู้พิพากษาจูเลียน กรูปเปอร์ เปิดทางให้บริษัทผู้ริเริ่มผลิตฟิล์มถ่ายรูปรายใหญ่ของสหรัฐฯ หลุดพ้นจากการดูแลของศาลในฐานะบริษัทใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างทางธุรกิจใหม่ และทางบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหลุดพ้นจากความคุ้มครองล้มละลายอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กันยายน
อย่างไรก็ตามในคำพิพากษา กรูปเปอร์ เน้นว่าการอนุมัติแผนดังกล่าวของเขาจะเป็นผลให้อดีตลูกจ้างหลายคนต้องสูญเสียผลประโยชน์ด้านเกษียณอายุการงานและประกันสังคมตามไปด้วย “ถึงเวลาที่ต้องลืมเรื่องเศร้าในอดีต นึกถึงอนาคตและหวังว่าโกดักจะประสบความสำเร็จ”
โกดัก ได้ยื่นคำร้องขอพิทักษ์ทรัพย์สิน ภายใต้กฎหมายล้มละลาย ตั้งแต่เดือนมกราคมปีก่อน หลังจากที่ดำเนินธุรกิจมานานถึง 131 ปี เพราะไม่สามารถแข่งขันในธุรกิจภาพถ่ายดิจิทัลได้ แม้จะเป็นธุรกิจกลุ่มแรกๆ ในการพัฒนาภาพถ่ายดิจิทัลก็ตาม ทั้งนี้โกดัก ต้องขายธุรกิจและสิทธฺบัตรหลายอย่าง หวังกอบกู้บริษัท ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องยกเลิกผลิตกล้องถ่ายภาพซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงแก่บริษัทจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
“โกดักไม่เหมือนกับบริษัทที่เคยเป็นหนึ่งด้านภาพถ่ายอีกต่อไป แต่โกดัก ในเวลานี้ก็แตกต่างกับตอนที่ยื่นขอล้มละลายอย่างมาก” แอนดรูว์ ไดเอ็ทเดริช บอกกับศาลระหว่างการพิจารณาความเมื่อวันอังคาร (20)
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี ทางบริษัทเปิดเผยว่าขายได้ขายธุรกิจภาพถ่ายบุคคล และรูปเอกสารให้กับกองทุนบำนาญโกดักอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของบริษัทในวงเงิน 650 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งในข้อตกลงไกล่เกลี่ยหนี้มูลค่า 2,800 ล้านดอลลาร์ ที่ทางกองทุนฯเรียกร้องจากบริษัทผู้ริเริ่มผลิตฟิล์มถ่ายรูปแห่งนี้
ขณะเดียวกันธุรกิจที่ถูกขาย ยังรวมไปถึงร้านค้าปลีก รูปเอกสาร และแผงถ่ายรูปทั่วโลกของโกดักที่ลูกค้าสามารถถ่ายรูปด่วนได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท โหวตเห็นชอบแผนพ้นจากความคุ้มครองการล้มละลาย แม้พนักงานที่ถูกปลด ผู้ถือหุ้น และฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคัดค้านแผนดังกล่าว โดยผู้ถือหุ้นบางส่วนโต้แย้งว่าพวกเขาสมควรได้รับบางอย่างตอบแทนแลกกับหุ้นที่พวกเขาถือ ทว่าเรื่องนี้ก็ถูกผู้พิพากษากรูปเปอร์ปฏิเสธตั้งแต่การพิจารณาคดีคราวก่อนแล้ว
ผู้พิพากษาย้ำว่าแม้แต่เหล่าเจ้าหนี้เองก็ได้เงินคืนเพียงแค่ 4 เซนต์ หรือ 5 เซนต์ต่อหนึ่งดอลลาร์ที่ลงทุนไปกับบริษัทแห่งนี้ ทั้งที่พวกเขาสมควรได้รับก่อนเหล่าผู้ถือหุ้นเสียอีก ทั้งนี้โดยปกติแล้วผู้ถือหุ้นสามัญจะไม่มีสิทธิ์รับผลตอบแทนใดๆ จากหุ้นที่ถืออยู่ในยามที่บริษัทหนึ่งๆ พ้นจากความคุ้มครองการล้มละลาย