เอเจนซีส์ - ในวันจันทร์(12)ผู้พิพากษาศาลในกรุงนิวยอร์ก ชีรา ชินด์ลิน ได้พิพากษาในคดีที่เป็นที่ถกเถียงมาอย่างยาวนาน โดยเธอตัดสินให้ ตำรวจNYPD นิวยอร์กนั้นละเมิดฏกหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯโดยการใช้อำนาจการหยุดและตรวจค้นมุ่งไปที่วัยรุ่นแอฟริกันอเมริกันและอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิกกว่า 87% ของจำนวนทั้งหมดที่ได้เรียกให้ชาวนิวยอร์ก 533,042 คนหยุดตรวจในปีที่ผ่านมา ในขณะที่นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ไมเคิล บลูมเบิร์ก ประกาศจะอุทธรณ์คำสั่งต่อไป
ในวันจันทร์(12) ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในกรุงนิวยอร์ก ชีรา ชินด์ลิน ได้ตัดสินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ NYPD ของนิวยอร์กนั้นใช้อำนาจตรวจค้นผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯในบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมที่ 4 และ 14 ที่ว่าด้วยสิทธิพลเมืองสหรัฐฯ โดยปรากฎว่า ชายวัยรุ่นผิวสีและผิวสีน้ำตาลชาวนิวยอร์กกว่า 87% จากทั้งหมดของจำนวนผู้ที่ถูกเรียกราว 533,042 คน ในปี 2012 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ NYPD เรียกให้หยุดและทำการตรวจค้นโดยไม่มีเหตุผล และในหลายๆครั้ง เจ้าหน้าที่จะใช้วาจาที่ไม่สุภาพในการปฎิบัติหน้าที่ โดยผู้พิพากษาชินด์ลินเรียกการหยุดตรวจของตำรวจ NYPD ในครั้งนี้ว่า เป็น “Indirect racial profiling” หรือเป็นการใช้สีผิวมาตัดสินอย่างอ้อมๆเพื่อที่จะเรียกหยุดตรวจ
“การพุ่งเป้าไปที่วัยรุ่นผิวสีและฮิสแปนิกนั้นเพื่อหยุดตรวจค้น ที่มีพื้นฐานมาจากสถิติที่วัยรุ่นแอฟริกันและฮิสแปนิกมักเป็นต้นเหตุในการก่ออาชญากรรมนั้น ผิดกฎรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยความเท่าเทียม ” ผู้พิพากษาชินด์ลินแจกแจงไว้ในคำพิพากษาของเธอ “และไม่ควรที่ใครก็ตามที่ต้องอยู่ด้วยความกลัวตลอดเวลาว่า จะถูกตำรวจเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ก้าวเท้าออกมาจากบ้านเพื่อทำภาระกิจตามปกติในชีวิตประจำวัน”
“เพื่อที่จะให้เป็นที่กระจ่าง ข้าพเจ้าไม่ได้สั่งให้ตำรวจ NYPD หยุดการปฎิบัติการตรวจค้น จุดมุ่งหมายของการออกคำพิพากษาในครั้งนี้เพื่อทำให้แน่ใจว่า การที่ ตำรวจ NYPD ใช้อำนาจในการหยุดเพื่อตรวจค้นนั้นจะอยู่บนพื้นฐานของการปกป้องสิทธิและทรัพย์สินของชาวนิวยอร์ก ในขณะที่ยังคงที่จะสามารถทำหน้าที่รักษาความสงบได้อย่างเต็มที่” ผู้พิพากษาชินด์ลินแจกแจงเพิ่มเติมในคำพิพากษา
ทางด้านนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ไมเคิล บลูมเบิร์ก ที่ไม่พอใจอย่างมากหลังมีคำตัดสินออกมา โดยเขาได้กล่าวโต้ในงานแถลงข่าวช่วงวันจันทร์บ่าย(12)ว่า “คนทุกคนควรได้รับสิทธิ์ที่จะสามารถออกจากบ้านได้โดยไม่ถูกฆ่าหรือโดนปล้น ผู้พิพากษาในคดีนี้ได้เพิกเฉยต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงในนิวยอร์ก เหมือนกับข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราที่ได้ออกตรวจการนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว ตลอดทั้งสัปดาห์พวกเขาหรือเธอได้ทำการเรียกหยุดเพื่อตรวจค้นน้อยกว่า 1 ครั้ง” และนอกไปจากนี้ บลูมเบิร์กยังประกาศจะอุทธรณ์คำสั่งต่อไป
โดยในคำพิพากษาครั้งนี้ ผู้พิพากษาชินด์ลินได้ระบุถึงจำนวนทั้งหมดที่ตำรวจนิวยอร์กได้เรียกวัยรุ่นชายชาวอเมริกันเชื้อสายคนกลุ่มน้อยเพื่อหยุดตรวจที่สูงถึง 87% จากของทั้งหมดที่เรียกจำนวน 533,042 ราย ต้องได้รับการปรับปรุง รวมไปถึงเธอยังสั่งให้ตำรวจนิวยอร์กต้องปรับปรุงทั้งนโยบายและวิธีปฎิบัติ โดยเฉพาะการให้คำนิยาม “การมีพฤติกรรมที่ต้องสงสัย” ที่กว้างมากเกินไป และยังออกคำสั่งให้มีการเปลี่ยนแนวการปฎิบัติหลังจากการเรียกให้ประชาชนชาวอเมริกันหยุดเพื่อตรวจ พร้อมกันนี้ผู้พิพากษาชินลินยังต้องการให้มีการเริ่มโปรแกรมนำร่องการติดตั้งกล้องบนบ่าเจ้าหน้าที่ในการออกตรวจการทุกครั้ง