เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - บรรดาผู้นำมุสลิมในศรีลังกาตัดสินใจปิดมัสยิดแห่งใหม่ในกรุงโคลัมโบวันนี้ (12 ส.ค.) ภายหลังกลุ่มผู้ประท้วงชาวพุทธก่อความรุนแรงจนเป็นเหตุให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ศาสนา
สภามุสลิมศรีลังกาแถลงว่า เห็นชอบที่จะให้ปิดมัสยิดในเขตแกรนด์พาส และย้ายกลับไปใช้ศาสนสถานแห่งเก่าซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลวางแผนที่จะรื้อถอนตามโครงการพัฒนาผังเมือง
“พวกเราได้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาเมื่อคืน (11)” เอ็น เอ็ม อามีน ประธานสภากล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
“รัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งเวนคืนที่ดินของมัสยิดเก่าและจะมอบที่ดินเพิ่ม อีกทั้งจะช่วยบูรณะและปรับปรุงมัสยิด”
“ตั้งแต่วันนี้ไป เราปิดมัสยิดใหม่แล้ว”
เมื่อวันเสาร์ (10) กลุ่มผู้ประท้วงที่นำโดยชาวพุทธได้สร้างความเสียหายให้กับมัสยิดใหม่ ด้วยการขว้างปาก้อนหินใส่ศาสนสถานแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตแกรนด์พาส กรุงโคลัมโบ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน และแม้จะมีการวางกำลังตำรวจอย่างหนาแน่นในย่านดังกล่าวเมื่อวานนี้ (11) แต่ก็ยังคงมีการปะทะกันเป็นระยะๆ
พุทธศาสนิกชนในท้องถิ่นต่างรู้สึกไม่พอใจที่มีการจัดตั้งมัสยิดแห่งใหม่ใกล้กับวัดพุทธในเขตแกรนด์พาส แม้จะเป็นการสร้างขึ้นเพื่อแทนมัสยิดหลังเก่าที่จะถูกรื้อถอนตามแผนพัฒนาพื้นที่เมืองหลวงก็ตาม
สำหรับโฆษกตำรวจระบุว่า ได้ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวยามวิกาลในรุ่งเช้าของวันนี้ (12) อีกทั้งกล่าวเสริมว่าสถานการณ์เริ่มสงบแล้ว และยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นอีก นับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้ประกาศปิดมัสยิดเมื่อคืนนี้ (11)
ทั้งนี้ เหตุความรุนแรงคราวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีกลุ่มหัวรุนแรงชาวพุทธวางเพลิงบริษัทของนักธุรกิจมุสลิม 2 แห่งที่บริเวณรอบนอกเมืองหลวงเมื่อเดือนมีนาคม
การปิดมัสยิดใหม่ และกลับไปใช้มัสยิดหลังเก่ามีขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ปรึกษาหารือกับบรรดาผู้นำทางศาสนาทั้งอิสลามและพุทธอย่างยาวนานหลายชั่วโมง จากนั้นจึงออกมาประกาศสิ่งที่จัมพิกา รานาวากะ รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีของศรีลังกาเรียกว่าเป็น “วิธีแก้ปัญหาอย่างยุติธรรม” ที่ทุกฝ่ายต่างเห็นชอบ