รบ.เสียงข้างน้อยสาธารณรัฐเช็ก แพ้โหวต “ไม่ไว้วางใจ” เตรียมจัดเลือกตั้งใหม่

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลสาธารณรัฐเช็ก ภายใต้การนำของนายยีรี รุสนอค นายกรัฐมนตรีวัย 52 ปีแพ้การโหวตไม่ไว้วางใจในรัฐสภาในวันพุธ(7)ส่งผลให้อดีตดินแดนคอมมิวนิสต์ยุโรปตะวันออกแห่งนี้ ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ทั้งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเพิ่งก้าวขึ้นมาบริหารประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

รายงานข่าวจากกรุงปรากระบุว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีรุสนอค ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีมิลอส เซมันเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมมีอันต้องสละอำนาจเสียแล้วหลังจากรัฐบาลแพ้การโหวตลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาโดยได้คะแนนเสียง “ไว้วางใจ” เพียงแค่ 93 เสียงจากทั้งหมด 200 เสียงในรัฐสภา โดยการโหวตมีขึ้นหลังการอภิปรายที่ใช้เวลายาวนานกว่า 9 ชั่วโมง

ด้านนายกรัฐมนตรีรุสนอคออกมาเผยหลังการลงมติของรัฐสภาว่าเขาจะยื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการต่อประธานาธิบดีเซมันภายในสัปดาห์นี้ แต่จะทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาลรักษาการต่อไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่

สาเหตุหลักที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการลงมติครั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลผสมของพรรคการเมืองฝ่ายขวานั้นเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยและแตกแยกกันเอง

นอกจากนั้น ยังมีความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างบรรดาพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในรัฐสภา ที่ปะทุขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากที่ปีเตอร์ เนซาส นายกรัฐมนตรีคนก่อนที่ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2010 มีอันต้องกระเด็นหลุดจากอำนาจไปเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน หลังจากที่เนซาสประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ผู้ช่วยสาวคนสนิท คือ ยานา นักโยวา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถูกตั้งข้อหามีส่วนพัวพันกับการใช้อำนาจโดยมิชอบและการจ่ายสินบน

ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐเช็กฉบับปัจจุบันระบุว่า หากรัฐบาลพ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภาก็จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในระยะเวลา 60 วัน

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความวุ่นวายทางการเมืองจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็ก ดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของภูมิภาคยุโรปกลางที่มีรายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และการส่งออก ขณะที่ทางธนาคารกลางของเช็กคาดว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้อาจหดตัวราว 1.5 เปอร์เซ็นต์