เอเจนซีส์ – นิวซีแลนด์เข้าแทรกแซงเพื่อควบคุมส่วนงานการจัดการวิกฤตนมปนเปื้อนของฟอนเทียร่า หลังบริษัทผลิตภัณฑ์นมยักษ์ใหญ่แห่งนี้ล้มเหลวในการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและทันการณ์จนนำไปสู่การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ทั่วโลก และสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ “บริสุทธิ์ 100%” ของประเทศ
สตีเฟน จอยซ์ รัฐมนตรีพัฒนาเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (6) ว่า รัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสำนักงานของฟอนเทียร่าในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เพื่อดำเนินการให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องและทันการณ์เกี่ยวกับการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในผลิตภัณฑ์เวย์ (หางนม) โปรตีนเข้มข้นที่ใช้เป็นส่วนผสมนมผงสำเร็จรูปสำหรับทารกและเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา
จอยซ์ยอมรับว่า เป็นเรื่องไม่ปกตินักที่รัฐบาลจะยื่นมือเข้าแทรกแซงบริษัทเอกชนเช่นนี้ ทว่า เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบถึง 25% ของการส่งออกของประเทศ นอกจากนี้ ฟอนเทียร่าเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
รัฐมนตรีพัฒนาเศรษฐกิจเสริมว่า ข้อมูลเกี่ยวกับแบคทีเรียที่ฟอนเทียร่านำเสนอในตอนแรกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ที่นำไปสู่การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ในจีนไปจนถึงซาอุดีอาระเบีย
จอยซ์ระบุว่า พบผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคโบทูลิซึมแล้วเป็นปจำนวน 90% และกระทรวงอุตสาหกรรมปฐมภูมิหวังว่า จะพบผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนทั้งหมดภายในบ่ายวันพุธ (7)
ฟอนเทียร่าเป็นสหกรณ์ผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ที่สุดของโลก ครองส่วนแบ่งการผลิตนมในนิวซีแลนด์ถึง 89% ในปี 2011 และปีที่แล้วมียอดขายทำสถิติถึง 15,700 ล้านดอลลาร์
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (5) ธีโอ สเปียริงส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอนเทียร่า บินด่วนสู่ปักกิ่งเพื่อแถลงขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ของนิวซีแลนด์ กล่าวว่า อาจเยือนเมืองหลวงแดนมังกรเช่นเกันเพื่อตอกย้ำว่า กฎระเบียบความปลอดภัยด้านอาหารของนิวซีแลนด์ไม่เป็นสองรองใคร
คีย์ยังตำหนิฟอนเทียร่าว่าถ่วงเวลาการเปิดเผยข้อเท็จจริง ทั้งที่ปัญหาการปนเปื้อนปรากฏขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว แต่บริษัทกลับอ้างว่า เพิ่งรับรู้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าเกิดการปนเปื้อนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และต้องทำการทดสอบเพิ่มเติมว่า สารปนเปื้อนเป็นแบคทีเรียมีพิษหรือไม่
สเปียริงแถลงในปักกิ่งว่า ได้แจ้งให้ลูกค้าและทางการรับรู้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับการยืนยันปัญหาการปนเปื้อน ทว่า คีย์ยังคงไม่พอใจคำอธิบายดังกล่าว และตั้งคำถามว่า เหตุใดฟอนเทียร่าจึงไม่ดำเนินการทันทีที่รู้ว่า อาจมีการปนเปื้อน แต่กลับรอจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมจึงแจ้งให้ลูกค้าและรัฐบาลทราบ และแถลงข่าวต่อสื่อในอีก 3 วันต่อมา รวมทั้งเพิ่งประกาศต่อนักลงทุนเมื่อวันจันทร์
นอกจากนั้น ฟอนเทียร่ายังไม่ระบุชื่อประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการปนเปื้อนนี้ เพียงแต่บอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีเวย์โปรตีนปนเปื้อนเหล่านี้ วางจำหน่ายในมาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย และไทยเท่านั้น
ฟอนเทียร่าถูกกล่าวหาว่า ละเลยบทเรียนเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ซานลู บริษัทในจีนที่ฟอนเทียร่าถือหุ้นอยู่ ลักลอบเติมสารเมลามีนลงในนมผง เป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต 6 คนและล้มป่วยถึง 300,000 คน
อย่างไรก็ดี สำหรับเรื่องอื้อฉาวนี้ไม่พบว่ามีเด็กป่วยแต่อย่างใด และฟอนเทียร่าระบุว่า สาเหตุมาจากท่อที่ไม่มีการทำความสะอาดอย่างเหมาะสมในโรงงานแปรรูปแห่งหนึ่งในนิวซีแลนด์
ทางด้าน บิลล์ อิงลิช รัฐมนตรีคลังแดนกีวียอมรับว่า ภาพลักษณ์ “บริสุทธิ์ 100%” ของนิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจ
ปัญหาการปนเปื้อนส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของฟอนเทียร่าถูกระงับการนำเข้าสู่จีน ขณะที่ดูเม็กซ์และคาริแคร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดานอน บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสทั้งสองแห่ง เรียกคืนผลิตภัณฑ์นมในจีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และนิวซีแลนด์
วันอังคาร ทางการจีนมีคำสั่งให้แอ็บบอตต์ บริษัทเวชภัณฑ์ของอเมริกา เรียกคืนผลิตภัณฑ์บางอย่าง ขณะที่ศรีลังกาเรียกเก็บผลิตภัณฑ์นมจากนิวซีแลนด์เช่นเดียวกัน
ด้านนิวซีแลนด์และเวียดนามประกาศเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงนมผงสำเร็จรูปบางชนิดของคาริแคร์ ส่วนรัสเซียสั่งเก็บผลิตภัณฑ์ของฟอนเทียร่าออกจากตลาด
