ศาลสูงอิตาลีพิพากษายืนโทษจำคุก “แบร์ลุสโกนี” ฐานโกงภาษี

เอเจนซี - ศาลสูงอิตาลีเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) พิพากษายืนโทษจำคุกนายซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานโกงภาษี หายนะครั้งใหญ่ที่มาเยือนมหาเศรษฐีเจ้าพ่อโทรคมนาคมรายนี้และอาจผลักรัฐบาลผสมอันอ่อนเปลี้ยของประเทศเข้าสู่วิกฤต

หลังใช้เวลาพิจารณาคดีนาน 3 วัน คณะตุลาการที่ประกอบด้วยผู้พิพากษา 5 ท่านของศาลฎีกา ก็ปฏิเสธคำอุทธรณ์สุดท้ายของนายแบร์ลุสโกนี หลังจากก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในเมืองมิลาน ต่างลงโทษจำคุกเจ้าพ่อสื่อมวลนรายนี้ 4 ปี แต่ด้วยที่เขามีอายุ 76 ปีแล้วทำให้โทษถูกลดเหลือ 1 ปีตามกฎหมายนิรโทษกรรม ขณะที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวว่าท้ายที่สุดมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่แบร์ลุสโคนีจะทำงานรับใช้สังคม หรือถูกกักบริเวณในบ้านพักแทนการจำคุก

อย่างไรก็ตามคณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้คณะลูกขุนทบทวนบทลงโทษอีกส่วนหนึ่งของอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ นั่นคือห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งอาจเป็นการเปิดทางให้เขายังกอดเก้าอี้วุฒิสภา เช่นเดียวกับผู้นำพรรคขวากลาง พีเพิล ออฟ ฟรีดอม ปาร์ตี ไว้ได้สักพัก

ทั้งนี้ในเวลาต่อมาหลังจากทราบคำพิพากษาแล้ว นายแบร์ลุสโกนี ได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ในวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ประณามว่าเป็นการตัดสินโดยปราศจากหลักฐานใดๆ “คำพิพากษานี้อ้างหลักฐานที่ไม่มีอะไรเลย และมันจะพรากเสรีภาพส่วนตัวและสิทธิทางการเมืองไปจากผม” เขาระบุ พร้อมประกาศจะเดินหน้าสู้ต่อไป

คดีนี้ แบร์ลุสโกนี ถูกกล่าวหาว่าอาณาจักรสื่อมีเดียเซตของเขา ปรับแต่งราคาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ที่ขายแก่เหล่าบริษัทในเครือสูงกว่าปกติ จากนั้นก็จัดการขายมันกลับคืนแก่มีเดียเซต เพื่อให้บริษัทแห่งนี้มีรายได้ลดลงและเสียภาษีน้อยลงตามไปด้วย

ขณะเดียวกันคำพิพากษาดังกล่าวยังเป็นคดีที่นายแบร์ลุสโกนีถูกตัดสินว่ามีความผิดเป็นคดีแรกๆ ในหลายคดีที่ค้างอยู่ในศาลตามข้อกล่าวหาต่างๆ ไล่ตั้งแต่ฉ้อโกง คอร์รัปชัน ไปจนถึงมีเพศสัมพันธ์กับโสเภณีเด็ก อย่างไรก็ตามอดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าศาลที่เป็นพวกฝ่ายซ้ายกระตือรือร้นในความพยายามถอดเขาออกจากแวดวงการเมือง หลังจากเขาเข้าสู่เส้นทางด้านการเมืองมาตั้งแต่ปี 1994

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน นายแบร์ลุสโกนี เพิ่งถูกศาลชั้นต้นเมืองมิลาน สั่งจำคุก 7 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต หลังตัดสินว่ามีความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและซื้อบริการทางเพศของโสเภณีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่างไรก็ตามคดีนี้ทนายความของเขาได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษานี้อาจไม่ใช่แค่การยุติเส้นทางการเมืองอันยาวนานวก่า 30 ปีของเจ้าพ่อสื่อรายนี้ แต่ยังส่งผลกระทบต่อรัฐบาลผสม 3 เดือนของนายกรัฐมนตรี เอ็นริโก เลตตา ที่อยู่ในสภาพเปราะบางและจำเป็นต้องขอเสียงสนับสนุนจากพรรคอื่นๆ เพื่ออนุมัติมาตรการปฏิรูปต่างๆ ที่จำเป็นต่อการฉุดอิตาลีออกจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เนื่องจากพรรคของเขาเป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาลผสม