เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดีดขึ้นเมื่อวันพุธ(31) หลังสต๊อกเชื้อเพลิงสหรัฐฯที่จุดส่งมอบสำคัญลดฮวบ ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว แม้เศรษฐกิจอเมริกาเติบโตเกินคาดหมายและเฟดยืนกรานกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ขณะที่ปัจจัยนี้ที่ผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหากเทียบกับเงินเยน ก็ฉุดให้ทองคำขยับลงพอสมควร
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 107.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้รายงานของกระทรวงพลังงงานสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(31) จะพบว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล แต่อีกด้านหนึ่งกลับพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบที่ที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันตามสัญญาในตลาดนิวยอร์ก ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ว่าอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่งอยู่
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(31) ปิดในกรอบแคบๆ ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่มากมายก่ายกอง ในนั้นรวมถึงถ้อยแถลงทางนโยบายของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)และรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจแดนลุงแซมอันผสมผสาน
ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 15.13 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,505.46 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.13 จุด (0.01 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,686.09 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.90 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,626.37 จุด
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ช่วงไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 1.7 เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเติบโตราวๆร้อยละ 1.1 อย่างไรก็ตามในรายงานชิ้นเดียวกันของกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกลงจากร้อยละ 1.8 เหลือ 1.1
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ(FOMC)สรุปการประชุม 2 วัน ด้วยถ้อยแถลงที่ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในอัตราปานกลาง พร้อมให้คำมั่นคงโครงการเข้าซื้อพันธบัตรเชิงรุกตามเดิมและไม่ได้กำหนดกรอบเวลาสำหรับชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงินนี้
ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินเยนของญี่ปุ่น อันเป็นผลให้ราคาทองคำวานนี้(31) ขยับลงพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ ลดลง 11.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,312.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์