เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เสนอชื่อ แคโรไลน์ เคนเนดี เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (24) ซึ่งถือเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติที่สุดที่ถูกมอบให้แก่ทายาทคนสุดท้ายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี
ตำแหน่งทูตประจำกรุงโตเกียวจะทำให้ เคนเนดี วัย 55 ปี เป็นที่จับตามองยิ่งกว่าครั้งใดๆ หลังจากที่เธอปฏิเสธจะลงเล่นการเมืองมาโดยตลอด
โอบามา เอ่ยถึง เคนเนดี และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอื่นๆ ว่า เป็น “พนักงานรัฐที่ดีเยี่ยม... บุคลากรเหล่านี้จะทำงานรับใช้ประเทศชาติได้เป็นอย่างดี และผมก็เฝ้ารอที่จะได้ปฏิบัติงานร่วมกับพวกเขาตลอดหลายปีข้างหน้า”
ทั้งนี้ การแต่งตั้ง เคนเนดี จะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาวิจารณ์ว่าเธอไม่เหมาะสม อีกทั้งพรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาก็ยกย่องเชิดชูบิดาของเธออยู่แล้ว
คนอเมริกันรุ่นก่อนๆ ยังคงจดจำ เคนเนดี ในภาพของเด็กหญิงตัวน้อยผู้ยืนอยู่ในทำเนียบขาว ในฐานะบุตรสาวประธานาธิบดี และเธอเองก็เป็นบุคคลแรกๆ ที่ดึงเกียรติของวงศ์ตระกูลมาช่วยสนับสนุนโอบามา ขณะที่เขายังแข่งขันกับ ฮิลลารี คลินตัน เพื่อชิงตำแหน่งผู้แทนพรรคเดโมแครต โดยกล่าวว่า โอบามา “จะเป็นประธานาธิบดีที่เหมือนพ่อของฉัน”
เคนเนดี แทบไม่มีประสบการณ์ด้านต่างประเทศมาก่อน และไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆ เป็นพิเศษกับญี่ปุ่น แม้จะเคยไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามี เอ็ดวิน ชลอสเบิร์ก ที่แดนอาทิตย์อุทัยในปี 1986 ก็ตาม
อดีตประธานาธิบดีเคนเนดี ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังเรือของเขาถูกเรือพิฆาตญี่ปุ่นโจมตีในมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1943 แม้เขาจะได้รับการยกย่องที่ช่วยชีวิตผู้อื่นไว้ แต่ก็ต้องทนทรมานกับอาการบาดเจ็บที่หลังตลอดชีวิต
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงท่าทีพอใจเมื่อมีกระแสข่าวว่า สหรัฐฯ จะแต่งตั้งบุตรสาวอดีตประธานาธิบดีเคนเนดีมาเป็นทูตประจำกรุงโตเกียว โดยเคนเนดีจะถือเป็น “ทูตหญิง” คนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้
วอชิงตันมีธรรมเนียมในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับไฮ-โปรไฟล์ไปดำรงตำแหน่งทูตประจำญี่ปุ่น ซึ่งถือประเทศพันธมิตรที่สำคัญลำดับต้นๆ