เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศตีแผ่ประสบการณ์เลวร้ายของนักท่องเที่ยว ทั้งการถูกฉกชิงวิ่งราว, ทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งตำรวจรีดไถเงิน ซึ่งทำให้ชาวต่างชาตินับล้านที่มาเที่ยวเมืองไทยในแต่ละปี อาจรู้สึกว่าดินแดนนี้ไม่ใช่ “สยามเมืองยิ้ม” อย่างที่ร่ำลือ
รัฐบาลนานาประเทศต่างเรียกร้องให้ไทยเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่ชาวต่างชาติ ซึ่งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์
น้ำทะเลสีฟ้าใส หาดทรายขาวสะอาด วัดวาอารามที่ให้ความรู้สึกสงบร่มเย็น รวมถึงกิจกรรมบันเทิงยามราตรี ล้วนแต่เป็นสิ่งดึงดูดให้คนทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาสัมผัส “ของดีเมืองสยาม” แต่สำหรับบางคน สิ่งที่พบอาจไม่ได้เป็น “สวรรค์บนดิน” อย่างที่คาดไว้
นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย “ถูกวางยา” ในเครื่องดื่ม เมื่อตื่นมาก็พบว่าทรัพย์สินมีค่าสูญหายไปหมดแล้ว
“ชาวต่างชาติถูกวางยาที่นี่เยอะครับ” วอล บราวน์ ชาวออสเตรเลียซึ่งมาเป็นอาสาสมัครตำรวจคอยเดินตรวจตราตามถนนริมหาดป่าตองใน จ.ภูเก็ต ให้สัมภาษณ์
เขาเล่าว่า ย่านนี้จะมีนายหน้าที่คอยชักชวนนักท่องเที่ยวเข้าบาร์เกย์ หรือถ่ายรูปคู่กับสัตว์หายากต่างๆ
“เมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว เราเข้าไปช่วยนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี 2 คนออกมาจากป่า พวกเขาจำอะไรไม่ได้ไป 3 วัน เงินกับเสื้อผ้าถูกขโมยไปหมด เหลือแต่กางเกงชั้นในเท่านั้น” บราวน์ เผย
นักท่องเที่ยวหลายคนได้รับคำเตือนให้หลีกเลี่ยงไนต์คลับที่มี “ปิงปองโชว์” ซึ่งสั่งเบียร์แค่ 2 ขวดก็อาจจะถูกโก่งราคาถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ
“ปีที่แล้ว เราเจอนักท่องเที่ยวคนหนึ่งถูกค้อนทุบ เพราะเขาไม่ยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้น... พวกนั้นใช้วิธีโหดเหี้ยมทำร้ายเอาทีเดียว” บราวน์ กล่าว
มาตรฐานความปลอดภัยที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้มีข่าวนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือจมน้ำให้ได้ยินกันอยู่เสมอ ชาวต่างชาติที่เช่ารถจักรยานยนต์ขับผ่านถนนมืดๆ ในภูเก็ต ก็ถูกดักปล้นอยู่เป็นประจำ
“เด็กหญิงฝรั่งเศสคนหนึ่งหนีไปซ่อนในพุ่มไม้ราว 3 ชั่วโมง ส่วนอีกคนเป็นเด็กหญิงสวีเดนที่ต้องหลบอยู่จนถึงเช้า เพราะมีกลุ่มชายฉกรรจ์ถือขวาน, ไขควง และอุปกรณ์ก่อสร้าง มายืนขวางมอเตอร์ไซค์ของพวกเธอ” บราวน์ กล่าว พร้อมเตือนให้ชาวต่างชาติใส่ใจข้อแนะนำในเอกสารท่องเที่ยวที่รัฐบาลเผยแพร่
บางครั้งเหตุการณ์ก็นำไปสู่จุดจบที่น่าเศร้า เช่นกรณีของหญิงชาวออสเตรเลีย วัย 59 ปี ที่ถูกโจรกระชากกระเป๋าทำร้ายจนเสียชีวิตที่ภูเก็ต เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2012 ซึ่งต่อมาคนร้ายทั้งสองถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ในเดือนนี้ยังมีชายชาวอเมริกันถูกคนขับแท็กซี่ในกรุงเทพมหานครแทงเสียชีวิต เพราะตกลงเรื่องค่าโดยสารกันไม่ได้
ปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมากเป็นประวัติการณ์ถึง 22 ล้านคน และแม้ส่วนใหญ่จะไม่พบเจอเหตุการณ์รุนแรง แต่บรรดานักการทูตก็ยังเตือนให้ไทยคิดหาวิธีดูแลความปลอดภัยแก่แขกผู้มาเยือน
“นักท่องเที่ยวจะเจอปัญหาที่ภูเก็ตกันมาก” เดวิด ลิปแมน หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยเผย ขณะที่นักการทูตยุโรปกว่า 10 คนที่เพิ่งจะเดินทางไปเยือนภูเก็ตต่างก็แสดงความเป็นห่วงเช่นกัน
“ผมคิดว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเลย ฉะนั้นเราจึงต้องติดตามเรื่องนี้อยู่” ลิปแมน ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ตำรวจเมืองภูเก็ตยอมรับว่า ปัญหานักท่องเที่ยวถูกล่วงละเมิดเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่พวกเขาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
“เราได้จัดตั้ง ป่าตอง เซฟตีโซน ขึ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากสาธารณชนด้วย เพราะแม้จะมีตำรวจกว่า 100 นาย คอยเดินตรวจตรา แต่ก็ยังไม่พอ” พ.ต.ท.นิกร ชูทอง สารวัตรปราบปราม สภ.กะทู้ ให้สัมภาษณ์
พฤติกรรมฉ้อโกงที่พบเห็นได้บ่อยตามหาดในเมืองไทยก็คือ การหลอกให้นักท่องเที่ยวเช่าเจ็ตสกีที่ชำรุดอยู่แล้ว และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินมากๆ เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่ายก็ใช้กำลังเข้าข่มขู่
“นี่คือการขู่กรรโชกทรัพย์ การเช่ามอเตอร์ไซค์ก็เหมือนกัน นักท่องเที่ยวขอเช่ามอเตอร์ไซค์ไปขับ พอตกดึกเจ้าของก็มาขโมยกลับไป แล้ววันรุ่งขึ้นก็เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินชดใช้ที่ทำมอเตอร์ไซค์หาย” หัวหน้าคณะผู้แทนอียูเผย และยังเอ่ยถึงพฤติกรรมรีดไถของตำรวจท้องถิ่นที่มักเรียกค่าปรับฐาน “จอดรถในที่ห้ามจอด”
“เราหวังว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะแสดงบทบาทที่เหมาะสมกว่านี้... ต้องยอมรับว่าการทุจริตประพฤติมิชอบยังคงมีอยู่ ซึ่งเราหวังว่ามันจะลดน้อยลง” ลิปแมน เผย
เอโลดี ทริช ชาวฝรั่งเศส เป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ยืนยันว่าจะไม่กลับมาเที่ยวเมืองไทยในเร็ววันนี้แน่นอน เธอเล่าว่า หลังลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ตเมื่อเดือนพฤษภาคม เธอและครอบครัวออกผิดช่องทาง และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาโดยที่ยังไม่ได้ประทับตราในหนังสือเดินทาง เมื่อกลับเข้าไปอีกครั้งเพื่อจะแก้ไขปัญหา กลับถูกกักตัวและให้ลงนามในคำสารภาพซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง
ทริช ซึ่งมีลูกสาววัย 21 เดือนไปด้วย ถูกตำรวจภูเก็ตควบคุมตัวอยู่นาน 12 ชั่วโมง และวันต่อมาก็ถูกตัดสินจำคุก 1 ปีโดยให้รอลงอาญา และปรับเป็นเงินอีกคนละ 2,000 บาท โดยไม่มีโอกาสหาทนายแก้ต่าง
“พวกเขาทำกับเราอย่างนี้ใช้ไม่ได้เลย” ทริช เผยกับเอเอฟพีที่ฝรั่งเศส
ข้อมูลจากรัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวเมืองผู้ดีต้องขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากฟิลิปปินส์ และในช่วงย้อนหลังหนึ่งปีจากเดือนมีนาคมปีนี้ มีชาวอังกฤษเสียชีวิตในไทยถึง 389 คน หรือราว 1 ใน 2,400 คนที่เข้ามาพำนักหรือท่องเที่ยวระยะสั้นๆ โดยสถิตินี้รวมการเสียชีวิตโดยสาเหตุทางธรรมชาติด้วย
ไทยยังเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวเมืองจิงโจ้เข้ามาเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ในปี 2012 รวมทั้งสิ้น 111 ราย และกว่า 700 คนจากจำนวนชาวออสซี่เกือบล้านคนที่เดินทางเข้าเมืองไทย จะต้องขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุล