เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-รัฐบาลสหรัฐฯยอมจ่ายเงินหลายแสนดอลลาร์ เพื่อว่าจ้างเหล่านักเจาะระบบคอมพิวเตอร์ หรือ “แฮกเกอร์” ให้ช่วยหาจุดอ่อน และโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของต่างชาติ ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส
รายงานข่าวระบุว่า ในขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯกำลังหันมาให้ความสำคัญกับขีดความสามารถของตน ในการทำสงครามไซเบอร์มากขึ้น ด้วยการใช้งบประมาณว่าจ้างเหล่าแฮกเกอร์มืออาชีพให้ช่วยหาจุดอ่อนของเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐคิดเป็นเงินหลักแสนดอลลาร์ต่อภารกิจเพื่ออุดช่องโหว่ ป้องกันการถูกโจมตีทางไซเบอร์จากต่างชาติ โดยข้อมูลซึ่งอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ค่าตอบแทนที่พวกแฮกเกอร์จะได้รับอาจสูงกว่า 150,000 ดอลลาร์ (ราว 4.7 ล้านบาท) ในแต่ละภารกิจ
นอกจากนั้น หน่วยงานของรัฐบาลอเมริกันอย่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ยังจ้างพวกนักเจาะระบบเหล่านี้ให้ช่วยหาจุดอ่อนในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของประเทศอื่นด้วย เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลอเมริกันสามารถเปิดการโจมตีทางไซเบอร์แก่ประเทศนั้นๆ เมื่อต้องการ
“คนในรัฐบาลกำลังเริ่มมีความคิดว่า เราจำเป็นต้องหาจุดอ่อนของประเทศอื่นๆ เพื่อที่จะปกป้องประเทศของเราเอง” ฮาวเวิร์ด ชมิดต์ อดีตผู้ประสานงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ประจำทำเนียบขาวกล่าว
รายงานยังระบุว่า เมื่อราว 3 ปีก่อน รัฐบาลสหรัฐฯและอิสราเอลเคยใช้ข้อมูลที่ได้จากพวกแฮกเกอร์ ในการโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยใช้อาวุธจำพวกหนอนคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า “สตักซ์เน็ท” เมื่อปี 2010
อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่อ้างอิงจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พบว่า ไม่เพียงแต่สหรัฐฯเท่านั้นที่จ้างพวกแฮกเกอร์ให้หาจุดอ่อนทางไซเบอร์ของประเทศอื่นแต่รัฐบาลของหลายประเทศ รวมถึง อิหร่าน อิสราเอล อังกฤษ รัสเซีย อินเดีย บราซิล เกาหลีเหนือ มาเลเซียและสิงคโปร์ ต่างก็มีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกัน