เอเอฟพี - ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus - MERS-CoV) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบรายในประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย ยังไม่สามารถพัฒนาจนกลายเป็นโรคระบาดได้ แต่ควรต้องเฝ้าระวังในกรณีที่ไวรัสอาจกลายพันธุ์ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศสแถลงวันนี้ (5)
งานวิจัยซึ่งเผยแพร่ลงวารสารการแพทย์แลนเซ็ต ระบุว่า “จากการวิเคราะห์พบว่า ไวรัส MERS-CoV ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะพัฒนาจนกลายเป็นโรคระบาด”
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยฝรั่งเศสกลุ่มนี้ยังเตือนให้ศูนย์เฝ้าระวังด้านสาธารณสุขต่างๆ เตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ และเร่งศึกษาช่องทางการแพร่ระบาดของเชื้อชนิดนี้
“เราแนะนำให้ทุกฝ่ายเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง, ติดตามผู้ที่ได้รับเชื้อ, ระบุชนิดของสัตว์ที่จะเป็นพาหะเชื้อ MERS-CoV และช่องทางที่เชื้อจะติดต่อมาสู่คนได้” นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันปาสเตอร์ (Pasteur Institute) ระบุ
ไวรัสซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการไอ, เป็นไข้ และปอดบวม เริ่มแพร่กระจายจากกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซียมายังฝรั่งเศส, อังกฤษ, เยอรมนี และอิตาลี โดยเป็นเชื้อในตระกูลเดียวกับโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome - SARS) ซึ่งเคยแพร่ระบาดในจีนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2003 และทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกถึง 775 ราย
ปัจจุบัน พบผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส MERS แล้วทั้งสิ้น 43 ราย โดยเป็นผู้ป่วยในซาอุดีอาระเบีย 36 ราย อัตราการเสียชีวิตถือว่าค่อนข้างสูง คือประมาณ 1 ใน 2 ของผู้ป่วย
ก่อนหน้านี้ เคยมีผลวิจัยซึ่งระบุว่าแม้ไวรัส MERS จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้, ไอ และหายใจลำบากเช่นเดียวกับโรคซาร์ส ทว่าเชื้อชนิดนี้แตกต่างตรงที่สามารถทำให้ผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันได้ด้วย
