เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นิค วอลเลนดา หนุ่มอเมริกันนักท้ามฤตยู กลายเป็นคนแรกที่ไต่เส้นลวดข้ามหุบเหว “แกรนด์แคนยอน” เมื่อวันอาทิตย์ (23 มิ.ย.) โดยที่เขาสร้างผลงานครั้งล่าสุดนี้สำเร็จภายในเวลา23 นาที
หนุ่มวัย 34 ปี ผู้ซึ่งเพิ่งเดินไต่ข้ามน้ำตกไนแองการาเมื่อปีที่แล้วได้สวดอ้อนวอนอยู่โดยตลอด ขณะที่เขาเลี้ยงตัวเดินข้ามหุบเหวลึก บนเส้นลวดเหล็กกล้าขนาด 2 นิ้ว ที่ขึงอยู่ในระดับความสูงราว 1,500 ฟุต (457 เมตร) เหนือลำแม่น้ำลิตเติล โคโลราโด
ฝ่ายผู้จัดงานนี้กล่าวว่าเขาใช้เวลา 22 นาที 54 วินาทีในการไต่ข้ามช่องหุบเหวเป็นระยะทางราว 1,400 ฟุต (426) เมตร ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ ซึ่งในขณะที่เขาเดินมาจนเหลือระยะทางอีกหลายเมตร เขาก็ชูหัวแม่โป้งให้ผู้ชมก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินจนกระทั่งถึงอีกฟากหนึ่งได้สำเร็จ
ถึงแม้การเดินท้ามฤตยูคราวนี้ ได้รับการโฆษณาว่าเป็นการไต่ข้าม “แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon) แต่ที่จริงแล้วสถานที่ซึ่งใช้ในการไต่คราวนี้ คือ บริเวณเหนือโตรกผา ลิตเติล โคโลราโด (Little Colorado Gorge) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อุทยานและสถานนันทนาการชนชาตินาวาโจ ลิตเติล โคโลราโด และอยู่ทางด้านตะวันออกใกล้ๆ กับแกรนด์ แคนยอน ตัวจริง
เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่วอลเลนดา ต้องเลือกที่นี่ อาจจะเป็นเพราะทางอุทยานแห่งชาติแกรนด์ แคนยอน ประกาศว่าไม่มีทางอนุญาตให้จัดรายการเช่นนี้ขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบของตน เนื่องจากจะเป็นการทำลายความเงียบสงบตามธรรมชาติของอุทยาน อย่างไรก็ตาม การเดินบนเส้นลวดเหนือโตรกผา ลิตเติล โคโลราโด ก็ดูจะมีอันตรายทายท้าความตายเป็นอย่างยิ่งอยู่นั่นเอง อีกทั้งความสำเร็จคราวนี้ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า วอลเลนดา คือ “เจ้าแห่งนักไต่เส้นลวด” อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ วอลเลนดาได้วางแผนและเตรียมตัวสำหรับการไต่ลวดครั้งนี้มานานราว 4 ปี โดยได้ย้ายไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลในเขตอุทยานและสถานนันทนาการชนชาตินาวาโจดังกล่าวนี้
เขาได้เริ่มซ้อมครั้งใหญ่ในรัฐฟลอริดาเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน โดยฝึกความแข็งแรงด้วยการเดินกลับไปกลับมาบนเส้นลวดที่ยาว 300 เมตรและใช้พัดลมความแรงสูงเพื่อแทนลมธรรมชาติที่มีความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กระนั้นเขาก็พบว่า “ลมแรงกว่าที่ผมคิดไว้” เขาเอ่ยขึ้นขณะเริ่มออกเดินไปได้ประมาณ 6 นาที โดยคำพูดของเขาถูกถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ช่องดิสคัฟเวอรี ที่ออกอากาศใน 219 ประเทศทั่วโลก
เขานั่งยองๆ ก่อนที่จะมาถึงครึ่งทาง ซึ่งเขาได้อธิบายว่าเป็นการสร้างความสมดุลให้กับเส้นลวดและตัวของเขาเอง
“ตอนนั้นลมมันแรงมากจริงๆ”
ตามร่างกายของวอลเลนดาได้ติดตั้งไมโครโฟนตัวหนึ่งและกล้องถ่ายทอดสดอีกหลายกล้อง รวมไปถึงกล้องตัวหนึ่งที่ติดไว้บริเวณหน้าอกของเขาเพื่อถ่ายภาพหุบเขาลึกที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งระยะทางของความลึกจากเส้นลวดถึงก้นเหวนั้น ยังสูงยิ่งกว่าความสูงของตึกเอ็มไพร์สเตทเสียอีก
หลังจากที่เขาได้เร่งฝีเท้าเมื่อเหลือระยะทางไม่กี่เมตรสุดท้ายจนข้ามไปอยู่อีกฟากหนึ่งได้สำเร็จแล้ว เขาก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของ เอเร็นดีรา ภรรยาและลูกๆ อีก 3 คน “การที่ครอบครัวของผมอยู่ที่นี่ด้วยเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ ผมคงจะทำสิ่งนี้ไม่สำเร็จถ้าหากไม่มีพวกเขาคอยอยู่ให้กำลังใจ” เขากล่าว
เมื่อถามว่าเป้าหมายชวนหวาดเสียวที่เขาจะไต่ข้ามในครั้งต่อไปคืออะไร เขาตอบว่า “สิ่งที่ผมใฝ่ฝันว่าจะไต่ข้ามเป็นสิ่งต่อไปก็คือ การเดิน (บนเส้นลวด) ระหว่างยอดตึกระฟ้า 2 ตึกในนครนิวยอร์ก”