เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - อินโดนีเซียส่งเฮลิคอปเตอร์ไปทำฝนเทียมเมื่อวันศุกร์ (21 มิ.ย.) ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่าจะสามารถปราบไฟป่าอันรุนแรงซึ่งกำลังก่อหมอกควันหนาทึบปกคลุมสิงคโปร์ในเวลานี้ ในขณะที่ค่ามลพิษทางอากาศของสิงคโปร์ก็เพิ่มขึ้นจนถึงระดับ 400 กลายเป็นภัยคุกคามชีวิตของประชาชน
ในการประชุมฉุกเฉินที่มีขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนวานนี้ (20) ซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย “ระดมทรัพยากรที่มีทั้งหมดในประเทศ” ไปดับไฟที่กำลังลุกไหม้บนเกาะสุมาตราซึ่งก่อให้เกิดหมอกควันในปริมาณมหาศาล “โดยทันที”
ในวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดในระยะเวลากว่า 10 ปีของสิงคโปร์ครั้งนี้ หมอกควันที่เหม็นไหม้รุนแรงเล็ดลอดเข้าไปในอาคารบ้านเรือนของประชาชน รวมถึงตึกสูงระฟ้าในตัวเมือง และนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงแถลงว่าปัญหานี้อาจยืดเยื้อนานหลายสัปดาห์
ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียแจ้งว่า เมื่อตอนเช้ามืดของวันศุกร์ (21) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ พร้อมทั้งอุปกรณ์ทำฝนเทียมจากกรุงจาการ์ตาและเกาะบอร์เนียวไปที่จังหวัดเรียว ซึ่งพื้นที่ดินพรุอันเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนหลายพันไร่กำลังลุกไหม้อยู่
“หวังว่าวันนี้เราจะทำฝนเทียมได้สำเร็จ” สุโตโป เปอร์โว นูโกรโฮ โฆษกประจำสำนักงานป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าว
นอกจากนี้เขายังได้ชี้แจงว่าสามารถส่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปทิ้งน้ำได้แม้จะยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ส่วนหน่วยดับเพลิงภาคพื้นดินกำลังพยายามอย่างหนักที่จะดับไฟซึ่งกำลังลุกไหม้อยู่ใต้ชั้นดิน
ในขณะที่อินโดนีเซียกำลังพยายามเร่งดับไฟ ค่าหมอกควันของสิงคโปร์ก็ขึ้นสู่ระดับ 400 ซึ่งถือเป็นระดับที่อันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ข้อมูลจากหน่วยเฝ้าระวังของรัฐบาลสิงคโปร์ระบุ
หลังจากที่ค่ามาตรฐานของมลพิษในอากาศ (PSI) เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลา 11 นาฬิกาของวันศุกร์ (21) ค่าดังกล่าวก็อยู่ในระดับทำลายสถิติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
คำแนะนำของรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่าค่า PSI ระดับสูงกว่า 400 โดยเฉลี่ย ภายในเวลา 24 ชั่วโมงอาจเป็น “ภัยคุกคามต่อชีวิตของผู้ป่วยและผู้สูงอายุ”
ก่อนที่วิกฤตการณ์ครั้งนี้จะปะทุขึ้นเมื่อวันจันทร์ (17) ค่ามลพิษในอากาศของสิงคโปร์ที่ถือเป็นสถิติสูงสุดคือที่ 226 เมื่อเดือนกันยายนปี 1997 ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของหายนะของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว
โดยหายนะในครั้งนั้นก็เป็นผลมาจากหมอกควันปริมาณมหาศาลที่พัดมาจากอินโดนีเซีย ประเทศที่ใช้วิธีการตัดไม้แล้วเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ในการทำสวนเกษตร จนก่อให้เกิดหมอกควันอย่างหนาทึบอยู่เสมอในช่วงหน้าแล้งที่เริ่มต้นในเดือนมิถุนายน
ทางด้านมาเลเซีย ก็มีพื้นที่บางส่วนของประเทศที่ติดกับสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากหมอกควันอย่างรุนแรงในอาทิตย์นี้
วิกฤตการณ์หมอกควันได้ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อชีวิตของชาวสิงคโปร์ เนื่องชาวเมืองต้องหยุดการทำกิจกรรมตามปกติเพื่อป้องกันตัวเองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
บริการส่งอาหารฟาสต์ฟู้ดถึงบ้านถูกยกเลิก ขณะที่ทหารก็ระงับการฝึกภาคสนาม และแม้กระทั่งนักวิ่งมาราธอนชั้นแนวหน้าของประเทศสิงคโปร์ก็ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องซ้อมวิ่งในอาคารแทน
ชาวเมืองที่กำลังเดือดร้อนต่างสวมหน้ากากอนามัยหรือคาดผ้าปิดปากขณะที่เดินทางไปมาระหว่างบ้านกับสถานที่อื่นๆ ส่วนร้านขายยาชั้นนำบอกกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่าหน้ากากอนามัยกำลังขาดตลาด และได้ปฏิเสธการสั่งซื้อล่วงหน้าไปแล้ว
วิเวียน บาลักกฤษณัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำของสิงคโปร์ผู้ที่เคยเรียกร้องให้อินโดนีเซียแก้ไขปัญหาไฟป่าให้เด็ดขาดเพื่อยับยั้งการเกิดหมอกควันในอากาศ กำลังจะเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของอินโดนีเซียในวันศุกร์ (21)
วิกฤตการณ์หมอกควันได้เพิ่มความตึงเครียดระหว่างเกาะสิงคโปร์เล็กๆ และอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสิงคโปร์คอยเรียกร้องให้อินโดนีเซียเร่งดับไฟป่าอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเริ่มรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับแรงกดดันเช่นนี้ และเมื่อวันพฤหัสบดี (20) รัฐมนตรีผู้ประสานงานการรับมือกับวิกฤตของอินโดนีเซีย ได้กล่าวหาว่าสิงคโปร์ “กำลังโวยวายเหมือนเด็กๆ”
