เอเอฟพี - สถานการณ์การประท้วงในบราซิลยยิ่งลุกลามหนักวานนี้(20) โดยมีประชาชนเรือนล้านออกมาเดินขบวนตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อประท้วงที่รัฐบาลบราซิเลียละเลยคุณภาพชีวิตประชาชน แต่กลับเอางบประมาณมหาศาลไปทุ่มให้กับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
ประธานาธิบดีหญิง ดิลมา รูสเซฟฟ์ ตัดสินใจยกเลิกกำหนดการเยือนญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า หลังรัฐบาลของเธอต้องเผชิญแรงกดดันหนักหน่วงจากเหตุจลาจลต่อต้านรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงซึ่งถูกส่งไปรักษาความสงบเรียบร้อยตามเมืองใหญ่ๆ ต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางขับไล่ฝูงชนที่พยายามขว้างปาก้อนหินและจุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ
ที่เมืองรีโอเดจาเนโร มีมวลชนแซมบ้าออกมาแสดงพลังมากถึง 300,000 คนใกล้กับศาลาว่าการเมือง ส่วนที่กรุงบราซิเลีย เจ้าหน้าที่เข้าขัดขวางกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในกระทรวงการต่างประเทศและขว้างปาระเบิดเพลิง
สื่อบราซิลอ้างการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญและตำรวจซึ่งระบุว่า เมื่อวานนี้(20) มีพลเมืองไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คนในกว่า 100 เมืองทั่วประเทศออกมาขับไล่รัฐบาลประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ โดยต้นเหตุเริ่มจากความไม่พอใจที่รัฐประกาศขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ก่อนจะลุกลามกลายเป็นความโกรธแค้นที่รัฐบาลนำเงินภาษีก้อนโตถึง15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปทุ่มให้กับการเป็นเจ้าภาพศึกฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชันส์คัพและฟุตบอลโลก
ผู้ประท้วงได้ขว้างปาก้อนหินใส่ยานพาหนะของฟีฟ่า (FIFA) ที่จอดอยู่ในเมืองซัลวาดอร์ หนึ่งในสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชันส์คัพ ขณะที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาสลายขบวนผู้ประท้วงที่มายืนออกันหน้าสนามกีฬา เป็นระยะทางยาวถึง 2 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐอเมริกาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (IACHR) เรียกร้องให้มีการสอบสวนว่ารัฐบาลบราซิลใช้ “ความรุนแรงเกินเหตุ” ต่อผู้ประท้วงหรือไม่
วันพุธที่ผ่านมา(19) ฝ่ายบริหารนครเซาเปาลูและรีโอเดจาเนโรของบราซิล ประกาศพับแผนขึ้นค่าโดยสารรถประจำทาง ซึ่งนับเป็นชัยชนะที่สวยงามสำหรับผู้ชุมนุมที่ออกมาแสดงพลังมวลชนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ทว่าท่าทีดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอที่จะดับอารมณ์โกรธแค้นของมหาชนบราซิลได้