อินเตอร์เนชันแนล บิสิเนสไทมส์ - สตรีหลายร้อยคนในอินเดียถูกบังคับให้เข้ารับการตรวจพรหมจารีย์และการตั้งครรภ์ก่อนเข้าพิธีสมรสหมู่ที่ทางรัฐเป็นผู้จัด ในโครงการช่วยเหลือสาวๆ ที่มาจากครอบครัวยากจนให้ได้มีโอกาสแต่งงาน
รายงานข่าวระบุว่า มีสตรีราวๆ 450 คนที่ต้องเข้ารับการตรวจร่างกายในเขตชนเผ่าเบตุล ถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมพิธีสมรสหมู่ซึ่งจัดโดยรัฐบาลแห่งรัฐมัธยประเทศ ขณะที่ดินแดนแห่งนี้ถือเป็นรัฐใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของอินเดีย ด้วยมีประชากร 75 ล้านคน และเป็นถิ่นฐานของชนเผ่าขนาดใหญ่เผ่าหนึ่ง ซึ่งถูกตัดขาดจากการพัฒนากระแสหลัก
รัฐบาลอินเดียมีแผนสนับสนุนการแต่งงานอย่างจริงจัง และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่มาจากครอบครัวยากจนได้มีโอกาสแต่งงาน และยังได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนมูลค่าราว 9,000 รูปี (ราว 4,800 บาท) แก่เจ้าสาว อย่างไรก็ตาม สตรีทั้งหมดที่จะเข้าร่วมพิธีที่หมู่บ้านฮารัดจำเป็นต้องผ่านการตรวจท้องและพรหมจารีย์เสียก่อน
เว็บไซต์ไทมส์ออฟอินเดียอ้างคำสัมภาษณ์ของเหล่าเจ้าสาวที่เผยว่า ไม่กี่นาทีก่อนถึงฤกษ์เข้าพิธี พวกเธอได้รับแจ้งว่าจำเป็นต้องผ่านการตรวจร่างกายเสียก่อนหากต้องการเข้าร่วมโครงการนี้
ทั้งนี้ การตรวจร่างกายดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น 2 คน โดยหนึ่งในนั้นชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่าเหตุที่ดำเนินการตรวจดังกล่าวก็เพราะต้องสงสัยว่าผู้หญิงบางคนอาจตั้งครรภ์ ขณะที่รัฐบาลอ้างว่าที่ต้องทำแบบนี้ เหตุเคยจับได้ว่ามีสตรีหลายคนแอบอ้างเข้าร่วมพิธีเพียงเพื่อหวังได้ของกำนัล และรายงานข่าวระบุว่าในพิธีล่าสุดก็พบว่ามีเจ้าสาวถึง 9 คนที่ตั้งท้องและทั้งหมดถูกห้ามเข้าร่วมงานสมรสหมู่
เจ้าหน้าที่รัฐบาลปฏิเสธต่อรายงานข่าวที่ระบุว่ามีการตรวจพรหมจารีย์และยืนยันได้มีคำสั่งตรวจสอบคำร้องดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยอมรับว่ามีคู่รักหลายคู่ถูกขับพ้นพิธีเหตุเพราะแอบอ้างเข้าร่วมโครงการเพื่อหวังสิ่งตอบแทน
เหตุการณ์ตรวจร่างกายเจ้าสาวไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในอินเดีย ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2009 รัฐบาลรัฐมัธยประเทศก็เคยถูกกล่าวหาสั่งตรวจพรหมจารีย์เจ้าสาวกว่า 150 รายก่อนพิธีสมรสหมู่ของรัฐ โดยรายงานข่าวระบุว่า ผู้หญิงต้องต่อแถวตรวจร่างกายยาวเหยียด ก่อนได้รับเข็มประดับอันเป็นเครื่องหมายอนุญาตให้พวกเธอเข้าร่วมพิธีแต่งงานหมู่ครั้งนั้น
กิริจา วียาส ประธานคณกรรมาธิการสตรีแห่งชาติอินเดีย ระบุว่า “การจับผู้หญิงตรวจร่างกายเพื่อพิสูจน์พรหมจารีย์เพื่อสิทธิประโยชน์ด้านได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลเป็นสิ่งที่น่าอดสูและผิดทำนองคลองธรรม และถ้าเป็นสังคมที่มีเหตุผลแล้ว คงไม่อดทนกับเรื่องแบบนี้”