เอเจนซี - เจ้าชายจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียทรงส่งทนายยื่นฟ้องนิตยสาร ฟอร์บส (Forbes) ฐานหมิ่นประมาท หลังจากนิตยสารการเงินชั้นนำของสหรัฐฯฉบับนี้ระบุมูลค่าทรัพย์สินของพระองค์ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ไม่ทรงติดอันดับมหาเศรษฐีท็อปเทนของโลกในปีนี้
เจ้าชาย อัล-วาลีด บิน ทาลาล ซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก ทรงอ้างว่า ฟอร์บส ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของพระองค์เพียง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 9,600 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทรงตกไปอยู่อันดับที่ 26 ในรายนามสุดยอดมหาเศรษฐีของโลกประจำปี 2013
ทั้งนี้ หาก ฟอร์บส ระบุมูลค่าทรัพย์สินของพระองค์ 29,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ทรงติด 1 ใน 10 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของโลก
ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ซันเดย์ เทเลกราฟ เมื่อเดือนมีนาคม เจ้าชาย อัล-วาลีด ทรงตำหนิว่า ฟอร์บส “ผิดพลาดและไม่แม่นยำ ทั้งยังมีอคติต่อนักลงทุนและสถาบันทางการเงินในตะวันออกกลาง”
ทนายของเจ้าชาย อัล-วาลีด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงกรุงลอนดอน เพื่อเอาผิดฐานหมิ่นประมาทกับ แรนดัลล์ เลน บรรณาธิการนิตยสารฟอร์บส และนักหนังสือพิมพ์อีก 2 ราย โดยระบุว่า การจัดอันดับที่ผิดพลาดของ ฟอร์บส ทำให้เจ้าชายทรงเสื่อมเสียชื่อเสียง และกระทบต่อสถานะทางการคลังของบริษัท คิงดอม โฮลดิงส์ ที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าของอยู่
คิงดอม โฮลดิงส์ มีหุ้นอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิล, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ รวมถึงอาณาจักรสื่อ นิวส์ คอร์ปอเรชัน ของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก
เจ้าชาย อัล-วาลีด ยังทรงเป็นเจ้าของเครือโรงแรมดังอีกมากมาย เช่น โรงแรม ซาวอย โฮเท็ล, โรงแรม เดอะพลาซา นิวยอร์ก, โรงแรมโฟร์ซีซันส์ และมีหุ้นอยู่ในย่านธุรกิจ คานารี วาร์ฟ ในกรุงลอนดอนอีกด้วย
ด้านโฆษกของ ฟอร์บส ออกมาตอบโต้ว่า มูลค่าทรัพย์สินของเจ้าชาย อัล-วาลีด ที่ ฟอร์บส รายงานไปนั้น ได้จากการคำนวณมูลค่าการลงทุนซึ่งเป็นที่ทราบกัน โดยไม่คำนึงถึงราคาหุ้น คิงดอม โฮลดิงส์ ในตลาดหลักทรัพย์ทาดาวุลของซาอุดีอาระเบีย
“เรารู้สึกประหลาดใจที่เจ้าชายจะทรงยื่นฟ้องฟอร์บส โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟ้องต่อศาลอังกฤษ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทเรื่องมูลค่าทรัพย์สินเลยแม้แต่น้อย” โฆษกฟอร์บส เผย
“เจ้าชายคงจะทรงหวังพึ่งกระบวนการยุติธรรมในอังกฤษที่ขึ้นชื่อว่าเอื้อประโยชน์ต่อโจทก์ในคดีหมิ่นประมาท (libel tourism) ซึ่งเป็นเสียงวิจารณ์ที่ทำให้อังกฤษต้องปฏิรูปกฎหมายหมิ่นประมาทไปเมื่อไม่นานมานี้เอง... เราหวังว่าศาลสูงลอนดอนคงจะเห็นด้วยกับเรา และ ฟอร์บส ยังขอยืนยันข้อมูลเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
