ศาลตั้งข้อหาพยายามฆ่ามือมีดแทงนายทหารฝรั่งเศสในปารีส

เอเอฟพี - ศาลต่อต้านก่อการร้ายของฝรั่งเศสเมื่อวันศุกร์(31) ตั้งข้อหาพยายามฆาตกรรมอันเกี่ยวข้องกับกิจกรรมก่อการร้าย ผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งที่ก่อเหตุแทงนายทหารแดนน้ำหอมกลางกรุงปารีส ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว

ชายวัย 22 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันพุธ(29) หลังก่อเหตุแทงนายทหารซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อยย่านธุรกิจและศูนย์กลางด้านการคมนาคม ลา เดอฟรองซ์ ของกรุงปารีส เหตุการณ์ระทึกขวัญซึ่งเกิดขึ้นตามหลังคดีฆาตกรรมโหดฆ่าตัดคอนายทหารนายหนึ่งในกรุงลอนดอน

แหล่งข่าวใกล้ชิดคดีเผยว่าผู้ต้องสงสัยนามว่าอเลกซานเดร ดี. ถูกนำตัวไปขึ้นศาลของเมืองหลวงฝรั่งเศส ก่อนที่คณะผู้พิพากษาจะตั้งข้อหาพยายามฆาตกรรม หลังจากชายรายนี้ได้สารภาพเมื่อตอนถูกจับกุมว่าเป็นผู้ลงมือโจมตีนายทหารเซดริค คอร์ดิเยร์ จนได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามเวลานี้เหยื่ออาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตออกจากโรงพยาบาลแล้ว

ภาพจากกล้องวงจรปิดจากย่านการค้าดังกล่าวพบเห็นนายอเลกซานเดร ซื้อมีด 2 เล่ม ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าลงมือโจมตีเมื่อวันเสาร์(25) นอกจากนี้ยังเห็นผู้ต้องหาท่องบทสวดมุสลืมก่อนหน้าปฏิบัติการแทงนายทหารชาวฝรั่งเศสแค่ราวๆ 8 นาที


ขณะเกิดเหตุ คอร์ดิเยร์ที่สวมเครื่องแบบและถืออาวุธ กำลังลาดตระเวนย่านธุรกิจลา เดอ ฟรองซ์ ของปารีส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเฝ้าระวังการก่อการร้ายของฝรั่งเศส ด้วยการนำทหารเข้าลาดตระเวนในย่านท่องเที่ยว ธุรกิจ และการขนส่งที่สำคัญ โดยผู้เห็นเหตุการณ์บรรยายมือโจมตีว่าเป็นชายไว้หนวดเคราและน่าจะมีเชื้อสายแอฟริกาเหนือ ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นเขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วหลบหนีไปด้วยการแต่งกายแบบชาวตะวันตก

ฝรั่งเศสอยู่ในภาวะประกาศเตือนภัยขั้นสูงตามหลังคำขู่โจมตีของกลุ่มอัลกออิดะห์ในแอฟริกาเหนือ อันเกี่ยวข้องกับการที่ฝรั่งเศสส่งทหารเข้าไปแทรกแซงในมาลี และด้วยการประกาศเตือนภัยขั้นสูงนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีทหารลาดตระเวนในกรุงปารีสและพื้นที่สำคัญอื่นๆ

อัยการซาเวียร์ โมแลงส์ ระบุว่าคดีนี้เป็นการเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน และผู้ต้องสงสัยแสดงถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าสำหรับลงมือโจมตีครั้งนี้ ด้วยการใช้มีดพับแทงที่คอนายทหารผู้เป็นเหยื่อหลายต่อหลายครั้ง

รายงานข่าวระบุว่านายอเลกซานเดร ดี. อยู่ในความสนใจของตำรวจท้องถิ่นมานาน จากพฤติกรรมของเขา แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ถูกแบ่งปันมายังหน่วยข้อมูลข่าวกรอง ในเรื่องนี้เป็นผลให้ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ เมื่อวันศุกร์(31) เรียกร้องทุกหน่วยงานประสานงานความร่วมมือด้านข่าวกรองให้ดีกว่าเดิม